คลัง เผยศก.ไทยม.ค.สัญญาณดีขึ้นจากลงทุนเอกชน-ท่องเที่ยวฟื้น แม้บริโภคชะลอ

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม 2565 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการลงทุนภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศและในประเทศ ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนมกราคม 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 17.4% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล -9.3% ขณะที่การบริโภคสินค้าคงทนสะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 7.2% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล -9.9%

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 44.8 จากระดับ 46.2 ในเดือนธันวาคม 2564 เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอมิครอนที่เริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่ง ในเดือนมกราคม 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 45.1% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลขยายตัว 14.3% และรายได้เกษตรกรที่แท้จริงในเดือนมกราคม 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 3.8% จากเดือนธันวาคม 2564 ที่ลดลง -4.4%

เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ในเดือนมกราคม 2565 กลับมาขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 17.9% ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 18.0% สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนมกราคม 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 2.6% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 2.5% ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวที่ 3.9% แต่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -2.4%

เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคเกษตร สะท้อนจาก ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนมกราคม 2565 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 3.1% จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ เช่น อ้อยโรงงาน ปาล์มน้ำมัน และไก่เนื้อ เป็นต้น สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนมกราคม 2565 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 88.0 จากระดับ 86.8 ในเดือนก่อนหน้า และเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ

สำหรับด้านบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนมกราคม 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ นักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) นักธุรกิจ กลุ่มสุขภาพที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยรวม จำนวน 133,903 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ เช่นเดียวกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ ที่มีผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนมกราคม 2565 จำนวน 15.43 ล้านคน หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 127.2% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 15.5%

เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้มีปัจจัยกดดันจากระดับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมกราคม 2565 อยู่ที่ 3.23% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.52% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2564 อยู่ที่ 59.6% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคม 2565 อยู่ในระดับสูงที่ 242.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.พ. 65)

Tags: , ,
Back to Top