SHR เผยปี 64 รายได้โต 3 เท่าดัน EBITDA ดำเนินงานปกติเป็นบวกรับเปิดประเทศ

นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) กล่าวว่า บริรายได้จากการขายและให้บริการในไตรมาส 4/64 ที่ 1,744 ล้านบาท เติบโต 23% จากไตรมาส 3/64 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้รายได้จากการขายและให้บริการทั้งปี 64 ทำได้ 4,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัวจากปีก่อนหน้า และเป็นแรงส่งสำคัญที่หนุนกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) จากการดำเนินงานปกติของ SHR ปี 64 พลิกกลับมาเป็นกำไรได้ที่ 518 ล้านบาท พุ่งขึ้น 187% จากปีที่ผ่านมา

โดยสัดส่วนรายได้จากการขายและให้บริการของพอร์ตโรงแรมในอังกฤษและมัลดีฟส์ ในปี 64 อยู่ที่ 90.3% ของรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งการทยอยเปิดเมืองในหลายประเทศช่วงปลายปีจากการที่ประชากรได้รับการฉีดวัคซีนในอัตราที่สูง ผนวกกับปริมาณความต้องการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงเทศกาลวันหยุดสิ้นปี ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากการขายและให้บริการในไตรมาส 4/64 ของพอร์ตโรงแรมในประเทศไทย และพอร์ตโรงแรม Outrigger เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ 16.4% ของรายได้รวม ส่งสัญญาณบวกต่อรายได้ในอนาคตที่จะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด เมื่อทั่วโลกเริ่มกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้เป็นปกติ

ส่วนผลการดำเนินงานของพอร์ตโรงแรมในโครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ในปีที่ผ่านมา เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ด้วยความโดดเด่นในรูปแบบและองค์ประกอบของโครงการที่แตกต่างจากรีสอร์ททั่วๆไป โดยสามารถรองรับการพักผ่อนในรูปแบบไลฟ์สไตล์ครบวงจรที่สุดเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในมัลดีฟส์ ซึ่งบริษัทได้ใช้เวลาช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา และในการปรับตัวและสร้างภาพลักษณ์จนโครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวนานาชาติได้อย่างรวดเร็ว พร้อมตอกย้ำความเป็นเลิศด้วยรางวัลจากหลากหลายเวทีในระดับสากล ช่วยหนุนให้อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) และรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPAR) ในไตรมาส 4/64 แตะระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เปิดให้บริการมา

แม้ว่ากลุ่มประเทศในเอเชียอย่าง จีน เกาหลี และญี่ปุ่น ซึ่งเคยเป็นกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวหลักของมัลดีฟส์ จะยังไม่ผ่อนปรนมาตรการให้ประชากรเดินทางออกนอกประเทศก็ตาม โดย SHR มีความมั่นใจว่าเมื่อทุกประเทศเปิดเมืองอย่างสมบูรณ์ โครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ จะมีศักยภาพในการเติบโตได้มากยิ่งขึ้น พร้อมเป็นจุดหมายปลายทางในฝันของนักเดินทางจากทั่วโลก และต่อด้วยความสำเร็จจากกลยุทธ์การเข้าลงทุนเพิ่มในกลุ่มโรงแรมสหราชอาณาจักร ด้วยจุดแข็งของพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร ซึ่งตอบโจทย์ของลักษณะโรงแรมที่ SHR ต้องการ เพื่อให้เกิดพอร์ตโรงแรมที่มีความสมดุลทั้งในเชิงภูมิศาสตร์และฤดูกาลท่องเที่ยวมากที่สุด

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวของอังกฤษโดดเด่นกว่าภูมิภาคอื่นเป็นไปตามที่ SHR ได้คาดการณ์ โดย ADR ของพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักรในครึ่งปีหลังของปี 64 ขยับสูงกว่า ADR ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนโควิด-19 แล้วกว่า 14% มาจากอุปสงค์การท่องเที่ยวในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเดียวกันกับของพอร์ตโรงแรมในอังกฤษ ที่ทั้งหมดเป็นโรงแรมอยู่ตามภูมิภาค และพึ่งพานักท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ผลักดันให้รายได้พอร์ตโรงแรมในอังกฤษเติบโตเกินคาด ตอกย้ำภาพความสำเร็จของกลยุทธ์การเข้าลงทุน

นอกจากนี้ SHR ยังได้วางแผนในการเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทนของพอร์ตโรงแรมในสหราชอาณาจักร ด้วยแผนการปรับปรุงโรงแรมที่มีศักยภาพในการเติบโตเพื่อปรับเพิ่มอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยให้สูงขึ้น เพื่อความสามารถในการทำกำไรที่ดียิ่งขึ้น

ส่วนผลการดำเนินงานของพอร์ตโรงแรมในประเทศไทยช่วงไตรมาส 4/64 กลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ด้วยประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโรงแรมของ SHR ที่มีความคล่องตัว ยืดหยุ่น และสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วต่อการออกและการเปลี่ยนแปลงของมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเข้าประเทศไทยและการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ภาครัฐประกาศออกมา เช่น โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน และมาตรการ Test & Go ส่งผลให้อัตราการเข้าพัก (Occupancy rate) ในเดือนธ.ค. 64 ของโรงแรมทราย ลากูน่า ภูเก็ต และโรงแรมทราย พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ เพิ่มสูงขึ้นมาที่ 64% และ 59% ตามลำดับ สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย

โดยที่ ADR ของโรงแรมในประเทศไทยในไตรมาส 4/64 ได้ขยับขึ้นมาแตะระดับสูงที่สุดของปีเช่นกัน โดยภาพรวมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในปี565 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่างๆของภาครัฐที่จะทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่การกลับมาเปิดใประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งของทั้งสาธารณรัฐมอริเชียส และสาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ หลังจากปิดประเทศมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 1 ปี ผลักดันให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงแรม Outrigger ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดย Occupancy rate ในเดือนธ.ค. 64 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติของโรงแรม Outrigger Fiji Beach Resort และโรงแรม Castaway Island Fiji ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งที่ 37% และ 63% ตามลำดับ

โดยที่ ADR ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 จาก Pent-up demand ของนักท่องเที่ยวออสเตรเลียช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปี ในขณะที่ Occupancy rate ในไตรมาส 4 ของโรงแรม Outrigger Mauritius Beach Resort อยู่ที่ 54% ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าประจำที่เดินทางกลับมาเยือนอีกครั้ง ทั้งนี้ SHR มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานกลุ่มโรงแรม Outrigger จะเป็นไปอย่างรวดเร็วคล้ายกับการฟื้นตัวของพอร์ตโรงแรมในโครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์

“รายได้ปี 64 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 4.5 พันล้านบาท ด้วยโมเมนตัมการท่องเที่ยวฟื้นตัวช่วงปลายปีจากไฮซีซั่นและมาตรการเปิดเมือง และความสำเร็จจากการดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทายในปัจจุบัน โดย SHR ยังคงเดินหน้าตามแผนการเติบโตในระยะยาว ด้วยแผนกลยุทธ์การเพิ่มประสิทธิภาพและผลตอบแทนของพอร์ตโรงแรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายถึงการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกำไร รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่ง SHR ยังมีความสามารถในการหาเงินทุนเพื่อรองรับการลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต”

นายเดิร์ก กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.พ. 65)

 

Tags: , , ,
Back to Top