EE ไม่ห่วงหุ้นร่วงรับผลเพิ่มทุน,ลุยตั้งโรงสกัด-ศึกษาต่อยอดธุรกิจปลายน้ำกัญชง

นายวรศักดิ์ เกรียงโกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) เปิดเผยว่า ราคาหุ้น EE ที่ปรับตัวลดลงในวันนี้น่าจะเป็นผลมาจากความกังวลการออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 3,580 ล้านหุ้น ซึ่งจะมีผลทำให้เกิด Dilution Effect แต่ผู้บริหารไม่ได้กังวล และไม่ได้มีส่วนถือหุ้นในบริษัท โดยเชื่อว่าผลงานจะเป็นเรื่องพิสูจน์อนาคต

“ราคาหุ้นที่ลดลงมาวันนี้คงเกิดจากความกังวลของ Dilution Effect ต่อราคาหุ้น แต่เราไม่ได้กังวลเพราะเราจะเน้นที่ผลงานของบริษัทให้ออกมาดี และเชื่อว่าเมื่อผู้ถือหุ้นเห็นตัวเลขผลประกอบการแล้วจะสามารถยิ้มได้ ในขณะเดียวกันเราจะเดินหน้าล้างขาดทุนสะสมทั้งหมดราว 530 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2 ปี และจะเดินหน้าจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป”

นายวรศักดิ์ กล่าว

สำหรับทิศทางผลประกอบการในปี 65 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 204.48 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการดำเนินงาน โดยในปีนี้บริษัทจะมีรายได้หลักจากการจำหน่ายผลผลิตกัญชง ทั้งใบและช่อดอก คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป

ปัจจุบัน บริษัทมีพื้นที่ในการปลูกภายใต้ บริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด (CW) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ EE ถือหุ้น 80% ซึ่งเป็นฟาร์มเพาะปลูกแบบโรงเรือน (Green House) ขนาด 9,000 ตารางเมตร เริ่มปลูกไปแล้วเมื่อปลายปี 64 ที่ผ่านมา โดยในพื้นที่ดังกล่าวสามารถปลูกได้ 30,000 ต้น นอกจากนั้นยังการปลูกในพื้นที่ Outdoor อีก 20,000 ต้น ทั้งหมดตั้งอยู่ในที่ดินของบริษัทที่มีเนื้อที่ทั้งหมด 36 ไร่ใน อ.วิหารแดง จ.สระบุรี

ขณะที่ล่าสุดบริษัทได้เข้าซื้อบริษัท ซีบีดี ไบโอไซเอนซ์ จำกัด (CBDB) ในวงเงิน 650 ล้านบาท โดยมีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองยวง อำเภอเวียงหนองล่อง จังหวัดลำพูน เนื้อที่รวม 28ไร่ 95 ตารางวา มีโรงเรือนปลูกพืชกัญชงมากถึง 60 โรงเรือน พื้นที่เพาะปลูกรวมประมาณ 9,600 ตารางเมตร คาดว่าจะเริ่มเก็บเกี่ยวและรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่สนใจจะเข้ามาร่วมลงทุนตั้งโรงสกัดสาร CBD จากกัญชงและกัญชา โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในเดือน เม.ย. นี้ ก่อนที่จะเดินหน้าก่อสร้างโรงสกัดทันที โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถเริ่มสกัดสาร CBD ได้ในช่วงไตรมาส 1/66

บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการขยายธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจปลายน้ำของกัญชงกัญชาเพิ่มเติมด้วย โดยหลังจากที่บริษัทมีวัตถุดิบตั้งแต่ต้นน้ำกลางน้ำแล้ว บริษัทจะมุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เชิงสุขภาพ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทเอง โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนและเริ่มจำหน่ายสินค้าได้ในปี 66

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มี.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top