GBS มองหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,650-1,700 จุด กังวลเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ยขาขึ้น

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า บล.โกลเบล็ก ประเมินทิศทางตลาดหุ้นว่ายังแกว่งผันผวนในลักษณะไซด์เวย์ออกข้าง โดยคาดว่าปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นหลังจากผ่านช่วงวันหยุดยาว อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงกังวลกับภาวะเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น จึงคาดการณ์การเคลื่อนไหวของดัชนีในกรอบ 1,650-1,700 จุด

ขณะที่ปัจจัยกดดันการลงทุนยังคงมีต่อเนื่อง อาทิ สหรัฐรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 8.5% YoY ในเดือนมี.ค. 65 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 24 และสูงกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 8.4% YoY ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 11.2% YoY ในเดือนมี.ค. 65 พุ่งทำสถิติสูงสุดตั้งแต่เริ่มจัดทำดัชนีนี้ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10.6% YoY กดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น

ส่วนยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและทยอยสั่งล็อกดาวน์ในหลายเมืองส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจต่อเนื่อง แม้ว่าจีนจะรายงาน GDP ไตรมาส 1/56 ขยายตัว 4.8% YoY สูงกว่าคาดการณ์ที่ 4.4% YoY ขณะที่หลายสำนักวิจัยทยอยปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 65 ของจีน แต่ล่าสุดทางธนาคารกลางจีนยังประกาศให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ภาคอุตสาหกรรม บริษัท และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 เพื่อบรรเทาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ด้านปัจจัยในประเทศทางกระทรวงการคลังได้มีการปรับลดกรอบการขยายตัวของ GDP ปี 65 เหลือ 3-4% จากเดิม 3.5-4.5% ค่ากลาง 4% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ ทั้งการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ราคาน้ำมันตลาดโลกขึ้นราคา และการสู้รบระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

โดยยังปัจจัยที่ยังคงต้องจับตาต่อเนื่อง เช่น กระทรวงพาณิชย์แถลงตัวเลขการส่งออก-นำเข้า การรายงานผลการดำเนินงานของหุ้นกลุ่มธนาคารงวดไตรมาส 1/65 ในสัปดาห์นี้ และการประชุมศบค.ประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 หลังสงกรานต์ เตรียมรับมือเปิดเทอม และปรับแผนเข้าออกประเทศ ด้านสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

รวมถึงปัจจัยต่างประเทศ ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR อียูรายงานดุลการค้าเดือนก.พ. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. สหรัฐรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) (เช้าวันที่ 21 เม.ย. 65) สหภาพยุโรป (EU) รายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. 65 ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการ สหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และดัชนีการผลิตเดือนเม.ย

ดังนั้นบล.โกลเบล็กได้แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เตรียมประชุมเพื่อหารือการปลดล็อกมาตรการเข้าประเทศทุกเงื่อนไข 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งรวมทั้งเลิก Thailand Pass, Test&Go ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวมีโอกาสกลับมาคึกคักได้ ซึ่งหุ้นที่ได้อานิสงส์จากปัจจัยบวกดังกล่าวได้แก่ AOT, ERW และ CENTEL

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ยังคงต้องจับตามุมมองของนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ที่ต้องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมากขึ้น อีกทั้งช่วงปลายสัปดาห์มีคำแถลงของประธานเฟดจึงทำให้ราคาทองคำอาจผันผวนได้ เพราะตลาดรับข่าวเงินเฟ้อไปแล้วและคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อสหรัฐอาจผ่านจุดพีคไปแล้ว การแสดงความคิดเห็นของเหล่าคณะกรรมการเฟด อาจจะกดดันราคาทองคำตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์เป็นต้นไป

โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้อาจมีการย่อตัวลงได้ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐปรับตัวขึ้นสูงที่ระดับ 2.86% สอดคล้องกับดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 100 สะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มที่เฟดจะใช้นโยบายการเงินแบบตึงตัวมีมากขึ้น เมื่อเงินเฟ้อผ่านจุดพีคไปแล้ว การใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นอาจกดดันราคาทองคำ หากราคาปรับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 2,000-2,015 เหรียญสหรัฐฯ/ออนซ์ แล้วไม่ผ่าน แนะนำทยอยเทขายทำกำไร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 เม.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top