นายไบรอัน อาร์มสตรอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทคอยน์เบส โกลบอล อิงค์กล่าวในงานประชุมระดับโลกของสถาบันมิลเคนว่า ภายใน 10-20 ปี จะมีผู้ใช้หรือทดลองใช้สกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซีมากถึง 1 พันล้านราย เพิ่มขึ้นจากประมาณ 200 ล้านรายในปัจจุบัน
“ผมเดาว่าในอีก 10-20 ปี เราจะเห็น GDP ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจคริปโทฯ” นายอาร์มสตรองกล่าวในเซสชันร่วมกับนางเคธี วูด ซีอีโอของบริษัทอาร์ก อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นในช่วงที่ตลาดคริปโทฯ เกิดความผันผวน โดยหลังจากที่ราคาบิตคอยน์พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เกือบ 69,000 ดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว มูลค่าก็ลดลงมาประมาณ 17% แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้
แม้สกุลเงินคริปโทฯ จะได้รับเสียงวิจารณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่นายอาร์มสตรองและนางวูด ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของคอยน์เบสได้แสดงจุดยืนร่วมกัน โดยนางวูดมองเห็นอนาคตที่สดใสในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ซึ่งเป็นด้านหนึ่งของคริปโทฯ ที่มีการกำกับดูแลเพียงเล็กน้อย โดยที่ผู้คนสามารถซื้อขายและกู้ยืมโทเค นได้โดยตรง โดยไม่ต้องมีตัวกลางอย่างธนาคาร
“ในกรณีของ DeFi และอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ เราจะเห็นบริษัททางการเงินจำนวนมากเสียคนเก่ง ๆ ไปให้กับคริปโทฯ ดังนั้นบริษัทเหล่านั้นจึงต้องคิดเรื่องนี้อย่างจริงจังได้แล้ว มิฉะนั้นบุคลากรก็หายไปหมด”
นางวูดกล่าว
นางวูดกล่าวเสริมว่า ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในสหรัฐยังคงเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของคริปโทฯ และความชัดเจนด้านกฎระเบียบในวงการคริปโทฯ เกิดขึ้นช้ากว่าสมัยที่ออกกฎกำกับดูแลอินเทอร์เน็ตมาก
ขณะเดียวกัน นายอาร์มสตรองกล่าวว่า “หาคนที่ไม่เชื่อเรื่องคริปโทฯ เลยในดี.ซี.ได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ” พร้อมเสริมว่า คนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.กว่า 50% หันมาสนับสนุนคริปโทฯ กันหมดแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 65)
Tags: Cryptocurrency, คริปโทเคอร์เรนซี, คอยน์เบส, สกุลเงินดิจิทัล