KCC ลุยซื้อหนี้ NPL หลังกวาดเงิน IPO คาดปลายปี 65 พอร์ตลูกหนี้พุ่งทะลุ 1 พันลบ.

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) กล่าวว่า ภายหลังจากบริษัทได้ระดมเงินทุน IPO จำนวน 592 ล้านบาท และจากการเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่า 350 ล้านบาท ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาเกือบ 1 พันล้านบาท เพิ่อใช้ในการจัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายเพิ่มขึ้น

โดยในปี 65 ตั้งเป้าจะซื้อหนี้ NPLs จำนวน 800 ล้านบาท และจะทยอยซื้อหนี้ NPLs อย่างต่อเนื่อง คาดว่าปลายปี 65 พอร์ตลูกหนี้ของบริษัทจะโตทะลุเป็นมากกว่า 1 พันล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 1/65 พอร์ตลูกหนี้ NPLs ของบริษัทอยู่ที่ 527 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดมากกว่า 2 เท่าตัว ซึ่งจะหนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตตามไปด้วยและคาดว่าเมื่อสิ้นปี 67 พอร์ตลูกหนี้ของบริษัทจะขยับขึ้นไปอยู่ในระดับที่มากกว่า 2.1 พันล้านบาท

“บริษัทมีแผนชัดเจนว่าภายใน 3 ปี พอร์ตลูกหนี้ NPLs ของบริษัทจะขยายตัวเพิ่มมากขึ้นและการเข้าระดมทุนทำให้ความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อนำมาขยายธุรกิจเปิดกว้างขึ้นและการที่บริษัทมีหนี้สินต่อทุน (D/E) ลงมาเหลือ 0.58 เท่า จากเดิม 0.63 เท่า ซึ่งยังห่างจากนโยบายที่วางไว้ที่ 2 ต่อ 1 เท่า ทำให้ยังมีความสามารถกู้เงินมาขยายพอร์ตหนี้ได้อีกมาก สอดรับกับปริมาณหนี้ NPLs ในระบบที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยตัวเลขล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่าทั้งระบบมี NPLs ณ สิ้นไตรมาสแรกที่ 5.3 แสนล้าน” นายทวี กล่าว

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดไตรมาส 1/65 ยังสามารถรักษาความสามารถทำกำไรให้อยู่ในระดับสูง โดยบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น 87.73% และมีอัตรากำไรสุทธิ 65.92% หากดูสถิติเฉลี่ยต่อปีย้อนหลัง 4 ไตรมาสจะพบว่าบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 88.35% และมีอัตรากำไรสุทธิ 39.61%

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1/65 บริษัทมีกำไรสุทธิ 19.12 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 5.67% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20.27 ล้านบาท เนื่องจากมีลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจและลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสามารถดำเนินการจ่ายชำระหนี้และปิดบัญชีได้ ทำให้กำไรจากรายได้ดอกเบี้ยรับลดลง แต่ในทางกลับกันการปิดบัญชีของลูกหนี้ทำให้บริษัทรับรู้รายได้และกำไรจากการรับชำระหนี้เพิ่มขึ้นและส่งผลให้บริษัทมีเงินสดรับเพิ่มขึ้น

โดยสิ้นไตรมาส 1/65 บริษัทมีเงินสดรับเข้ามา 62.72 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.15% ของพอร์ตลูกหนี้ NPLs และสินทรัพย์รอการขายเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีเงินสดรับ 32.82 ล้านบาท คิดเป็น 5.45% ของพอร์ตลูกหนี้ NPLs และสินทรัพย์รอการขายของบริษัท

“ถือว่าบรรลุพันธกิจของบริษัท ที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยฟื้นฟูและนำลูกหนี้ที่มีปัญหาให้กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจตามปกติได้ภายหลังจากดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ได้ตามแผน ซึ่งในไตรมาสแรกปีนี้มีลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อที่อยู่อาศัยหลายราย” นายทวี กล่าว

ทั้งนี้ ณ 31 มี.ค.65 บริษัทมีพอร์ตหนี้ NPLs คงเหลือ 527.40 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้สินเชื่อธุรกิจ หรือ Corporate Loans 64% ที่เหลือ 36% เป็นลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย (Housing Loans) โดยลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจเกือบ 80% เป็นลูกหนี้ที่อยู่ในสถานะระหว่างเจรจาและปรับปรุงโครงสร้างหนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top