KCC จ่อปิดดีลซื้อหนี้ใน Q2/65 ดันพอร์ต NPL โตพุ่งเกือบเท่าตัวจาก Q1/65

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) กล่าวว่า บริษัทยังมั่นใจผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/65 และทั้งปี 65 ยังดีอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วงไตรมาส 2/65 บริษัทจะดำเนินการจัดซื้อหนี้ NPL จากสถาบันการเงินได้เสร็จสิ้น โดยใช้เงินลงทุนราว 500 ล้านบาท ภายหลังจากได้เงินจากการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 592 ล้านบาท และการเสนอขายหุ้นกู้ 350 ล้านบาท ทำให้มีเม็ดเงินเข้ามาเกือบ 1 พันล้านบาทเพื่อใช้ในการจัดหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขายเพื่อขยายพอร์ตลูกหนี้ NPL ส่งผลให้เงินลงทุนหรือพอร์ตลูกหนี้ NPL จะเติบโตขึ้นเกือบเท่าตัวจากสิ้นไตรมาส 1/65 ที่มีพอร์ตลูกหนี้ NPLs อยู่ที่ 527.40 ล้านบาท

ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้บริษัทยังคงมีแผนเดินหน้าซื้อหนี้ NPL เข้าพอร์ตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าใช้เงินลงทุนซื้อหนี้ NPL มากกว่า 800 ล้านบาท แม้เป้าหมายกำหนดไว้ว่าสิ้นปี 67 พอร์ตลูกหนี้ของบริษัทจะขยับขึ้นไปมากกว่า 2.1 พันล้านบาท แต่หากเห็นโอกาสทางธุรกิจเข้ามา บริษัทก็พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทมองว่าภายใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ สถาบันการเงินจะยังคงนำลูกหนี้ NPL ในระบบที่ยังคงมีอยู่ในระดับสูงออกมาประมูลขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากตัวเลขล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ระบุว่าสถาบันการเงินทั้งระบบมี NPL ณ สิ้นไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 5.31 แสนล้านบาท จึงเป็นโอกาสของธุรกิจบริหารจัดการหนี้ NPL และธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ที่ยังคงมีปริมาณหนี้ NPL จากระบบสถาบันการเงินมาให้บริหารจัดการได้อีกมหาศาล

โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับพอร์ตลงทุน หรือพอร์ตลูกหนี้ NPL ของบริษัท ทำให้ธุรกิจ AMC ของบริษัทยังคงมีทิศทางหรือแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก โดยเป้าหมายของบริษัทยังคงเน้นหนี้ NPL ภาคธุรกิจหรือ Corporate Loans ในสัดส่วน 70% และหนี้ NPL สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือ Housing Loans ในสัดส่วน 30% โดยพิจารณาหลักประกันที่มีคุณภาพและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้

“ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัทในการพิจารณาเลือกซื้อหนี้และการบริหารจัดการหนี้ NPLs ที่เน้นหนี้ภาคธุรกิจ หรือ Corporate Loans หากเห็นโอกาสทางธุรกิจ หรือมีหนี้ NPLs ที่สามารถบริหารจัดการและสร้างผลตอบแทนที่ดีได้บริษัทก็พร้อมเข้าไปจัดหาเพื่อนำมาบริหารจัดการเพราะนอกจากมีเงินทุนที่ได้จากการขายหุ้น IPO และออกหุ้นกู้แล้วบริษัทยังสามารถเพิ่มการกู้ยืมเงินได้อีกมาก”

นายทวี กล่าว

หลังรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติ ส่งผลให้ลูกหนี้ของบริษัทกลับมาเดินหน้าดำเนินการตามแผนปรับโครงสร้างหนี้กับบริษัทได้มากขึ้น โดยกลับมาชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามแผน หลังจากในช่วงปี 64 ลูกหนี้บางราย ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อคดาวน์ได้ขอหยุดชำระเงินต้น โดยแบ่งผ่อนชำระเฉพาะดอกเบี้ย แต่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น จึงกลับมาดำเนินการตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ได้ ส่งผลให้บริษัทสามารถเก็บเงิน หรือมีเงินสดรับ (Cash Collection) เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีลูกหนี้บางรายสามารถฟื้นฟูกิจการสำเร็จ กลับมาจ่ายชำระหนี้ได้ทั้งหมดและปิดบัญชีลูกหนี้กลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ปลดล็อกการเป็นลูกหนี้ NPL เข้าสู่ระบบสินเชื่อของสถาบันการเงินได้ตามปกติ ซึ่งถือว่าบริษัทประสบความสำเร็จในการช่วยฟื้นฟูกิจการ บริหารจัดการหนี้ ให้ลูกหนี้ที่มีปัญหากลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อีกครั้ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มิ.ย. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top