เงินบาทเปิด 34.96 อ่อนค่าต่อเนื่อง คาดมีโอกาสทดสอบ 35.00 กังวลเฟดขึ้นดบ.แรง

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 34.96 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก ปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 34.80 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับตลาดโลก เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าหลังได้รับแรงหนุนจาก จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากของอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรของสหรัฐ ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนกรณีการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) ที่คาดว่าอาจมากถึง 0.75% เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ทุกประเภทมีการปรับตัวอย่างผันผวนรุนแรง ทั้ง ตลาดเงิน ตลาดหุ้น และตลาดทองคำ

“บาทอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ หลังดอลลาร์แข็งค่าตามบอนด์ยีลจากความกังวลของนักลงทุนเรื่องเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75%”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.85 – 35.10 บาท/ดอลลาร์

“วันนี้บาทมีโอกาสขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 35.00 บาท/ดอลลาร์ ต้องรอดูว่าจะผ่านไปได้หรือไม่”

นักบริหารเงิน ระบุ

THAI BAHT FIX 3M (13 มิ.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.14245% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.70268%

* ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 133.89 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 134.59 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0422 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0460 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 34.812 บาท/ดอลลาร์

– รมว.คลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมที่จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบเก็บภาษีการขาย หุ้น (Financial Transaction Tax) โดยจะออกเป็นพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ประกาศบังคับใช้

– ‘คลัง’ จ่อออกแพ็กเกจช่วยคนจนรอบใหม่ ยันไม่หว่านแห เลือกช่วยเฉพาะกลุ่ม ส่วน ‘คนละครึ่ง เฟส 5’ รอไปก่อน รับ งบประมาณมีจำกัด หลังเงินกู้เหลือ 4 หมื่นล้านบาท

– บอร์ดบีโอไอไฟเขียวโครงการลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท เร่งเดินหน้ารถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ดันผลิตอีวีแบบ แบตเตอรี่ พร้อมยกระดับนิคมเดิม เพิ่มสิทธิประโยชน์ถือครองที่ดินดึงลงทุนต่างชาติ

– ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีนี้ (16 มิ.ย.) และจะปรับขึ้นในอัตราดังกล่าวในการประชุมครั้งต่อ ๆ ไป แม้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น ใกล้ระดับเลข 2 หลักก็ตาม

– ราคาบิตคอยน์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 10% และหลุดจากระดับ 21,000 ดอลลาร์แล้วในช่วงเช้านี้ เนื่อง จากนักลงทุนวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงมากขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

– ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (13 มิ.ย.) โดย ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงถึง 0.75% หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งสูงกว่า คาด

– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ในวันจันทร์ (13 มิ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของ ดอลลาร์และการพุ่งของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากความกังวล ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ บริโภค (CPI) พุ่งขึ้นเกินคาด

– ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะ ยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

– ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยผลสำรวจคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคสหรัฐประจำเดือนพ.ค. พบ ว่า ภาคครัวเรือนสหรัฐคาดว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า

– นักวิเคราะห์จากหลายสำนักต่างคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุม นโยบายการเงินในวันที่ 14-15 มิ.ย. ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ

– FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 50% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนักเพียง 5%

– ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนพ.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติ สหรัฐ (NFIB), ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมิ.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่ง ชาติ (NAHB), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค., และการผลิตภาค อุตสาหกรรมเดือนพ.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 มิ.ย. 65)

Tags: ,
Back to Top