สหรัฐเรียกร้องแอปเปิล-กูเกิลลบติ๊กต็อกจากแอปสโตร์ กังวลความปลอดภัยข้อมูล

นายเบรนแดน คาร์ หนึ่งในคณะกรรมการด้านการสื่อสารของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FCC) ได้เรียกร้องให้บริษัทแอปเปิลและกูเกิล ลบแอปพลิเคชันติ๊กต็อกออกจากแอปสโตร์ของทั้งสองบริษัท เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลที่เกี่ยวกับจีน

นายคาร์ได้เผยแพร่จดหมายผ่านทางทวิตเตอร์เพื่อเรียกร้องนายทิม คุก ซีอีโอของบริษัทแอปเปิล และนายซันดาร์ พิชัย ซีอีโอของบริษัทอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล โดยจดหมายดังกล่าวระบุถึงรายงานและสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ระบุว่า ติ๊กต็อกไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายแอปสโตร์ของแอปเปิล และอัลฟาเบท

“ตัวตนที่แท้จริงของติ๊กต็อกไม่ใช่สิ่งที่เราเห็น ไม่ใช่แค่แอปแชร์วิดีโอตลกขบขันหรือมีม แต่เป็นสุนัขป่าในคราบแกะ เพราะในความเป็นจริงแล้ว ติ๊กต็อกเป็นเครื่องมือสอดแนมที่ก้าวล้ำ ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลที่อ่อนไหวได้เป็นจำนวนมาก” นายคาร์กล่าว

นายคาร์ยังกล่าวด้วยว่า หากแอปเปิลและอัลฟาเบทจะไม่ลบติ๊กต็อกออกจากแอปสโตร์ ทั้งสองบริษัทจะต้องส่งคำชี้แจงให้กับเขาภายในวันที่ 8 ก.ค.นี้ โดยคำชี้แจงจะต้องอธิบายหลักการพื้นฐานสำหรับข้อสรุปของบริษัทที่ว่า การเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของสหรัฐโดยบุคคลที่อยู่ในประเทศจีน รวมถึงรูปแบบการนำเสนอและการดำเนินการของติ๊กต็อกที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดนั้น ไม่ได้ขัดกับนโยบายแอปสโตร์ใด ๆ ของแอปเปิลและอัลฟาเบท

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า บริษัทแอปเปิล, อัลฟาเบท และติ๊กต็อก ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับข้อเรียกร้องของนายคาร์ในขณะนี้

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ติ๊กต็อกเปิดเผยว่า บริษัทได้เสร็จสิ้นการโอนย้ายข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐไปยังเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทออราเคิล คอร์ป ซึ่งอาจจะช่วยคลายความวิตกของหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบของสหรัฐเกี่ยวกับข้อมูลผู้ใช้งานติ๊กต็อก

การดำเนินการดังกล่าวมีขึ้นโดยใช้เวลาเกือบ 2 ปี หลังคณะกรรมการด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐสั่งให้บริษัทไบต์แดนซ์ซึ่งเป็นบริษัทแม่ขายกิจการของติ๊กต็อก เนื่องจากวิตกว่า ข้อมูลของผู้ใช้งานในสหรัฐอาจถูกส่งมอบให้กับรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของจีน

ทั้งนี้ ติ๊กต็อกเป็นแอปโซเชียลมีเดียยอดนิยมสูงสุดในโลก โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคน และสหรัฐเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของติ๊กต็อก

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มิ.ย. 65)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top