ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงในวันพุธ (29 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น หลังประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) และประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
- ทั้งนี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 413.42 จุด ลดลง 2.77 จุด หรือ -0.67%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,031.48 จุด ลดลง 54.54 จุด หรือ -0.90%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,003.35 จุด ลดลง 228.47 จุด หรือ -1.73% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,312.32 จุด ลดลง 11.09 จุด หรือ -0.15%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงหลังบวกขึ้น 3 วันติดต่อกัน โดยหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุดนั้นนำโดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มรถยนต์ ซึ่งร่วงลง 3.5% และ 2.6% ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลงด้วย
นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ไม่มีแนวโน้มที่กลับคืนสู่ยุคเงินเฟ้อต่ำเมื่อครั้งก่อนเกิดโรคระบาดอีกต่อไป และธนาคารกลางต่าง ๆ จำเป็นต้องปรับนโยบายตามการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ขยายตัวขึ้นอย่างมาก
ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวว่า มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ความเสี่ยงที่ใหญ่กว่าคือเงินเฟ้อ
ดัชนี STOXX 600 ร่วงลง 15% แล้วในปีนี้ และมีแนวโน้มปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในไตรมาสนี้ นับตั้งแต่โรคโควิด-19 ระบาดในปี 2563 โดยถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน, เงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นรายตัวที่ร่วงลงอย่างหนัก อาทิ หุ้นจัสต์ อีต เทคอะเวย์.คอม ดิ่งลง 16.5% ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขายกิจการกรับฮับ (Grubhub) ในสหรัฐ และบริษัทจะสามารถทำกำไรโดยไม่ต้องเพิ่มทุนได้หรือไม่
ส่วนหุ้นเอชแอนด์เอ็ม (H&M) พุ่งขึ้น 2.2% สวนทางตลาด หลังรายงานผลกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้น 33% ซึ่งสูงกว่าคาด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 65)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป