สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าในเดือนมิ.ย. 2565 และนับเป็นการขาดดุลเป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และพลังงานที่แพงขึ้นส่งผลให้มูลค่าสินค้านำเข้าสูงขึ้น โดยได้ตอกย้ำถึงแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากสกุลเงินเยนที่อ่อนค่าลงอย่างรุนแรงและปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก
กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ระบุว่า มูลค่าการนำเข้าพุ่งขึ้น 46.1% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยในโพลของรอยเตอร์ที่คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 45.7%
ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าดังกล่าวสูงกว่ามูลค่าการส่งออกในเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 19.4% เมื่อเทียบรายปี ส่งผลให้มียอดขาดดุลการค้า 1.3838 ล้านล้านเยน (9.99 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นการขาดดุล 11 เดือนติดต่อกัน
มูลค่าการนำเข้าพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าน้ำมันจากซาอุดีอาระเบีย รวมถึงถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากออสเตรเลียแพงขึ้น นอกจากนี้ ต้นทุนการนำเข้า LNG จากมาเลเซียและถ่านหินจากอินโดนีเซียก็เพิ่มสูงขึ้นร้อยกว่าเปอร์เซ็นต์
เมื่อจำแนกตามภูมิภาค การส่งออกของญี่ปุ่นไปยังจีนซึ่งเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดนั้น ขยายตัว 8.3% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบรายปี โดยฟื้นตัวหลังจากที่การส่งออกส่วนประกอบชิปไปยังจีนลดน้อยลงในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี การส่งออกรถยนต์ไปยังจีนหดตัวลงถึง 23.2% เมื่อเทียบรายปี
ขณะเดียวกัน การส่งออกไปยังสหรัฐกลับเพิ่มขึ้น 15.7% ในเดือนมิ.ย. เนื่องจากการส่งออกเวชภัณฑ์มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 65)
Tags: การค้า, ญี่ปุ่น