เงินบาทเปิด 35.77 อ่อนค่าสอดคล้องภูมิภาค จับตาประชุมกนง.-ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯสัปดาห์นี้

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 35.77 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 35.57 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทอ่อนค่าสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ ในภูมิภาค เนื่องจากเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค. ของสหรัฐ ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้ตลาดมองว่าในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเดือนก.ย. นี้ มีโอกาสมากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.70-35.90 บาท/ดอลลาร์ ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. ของสหรัฐ

THAI BAHT FIX 3M (5 ส.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.59337% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.76890%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 135.18 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 132.97 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0173 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0226 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.654 บาท/ดอลลาร์
  • ประธานกรรมการสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ เปิดเผยว่า ช่วงครึ่งหลังปีนี้ หากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่สถาบันการเงินของรัฐจะตรึงอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำให้นานที่สุด เพื่อบริหารต้นทุนการดำเนินงาน หากจำเป็นก็จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ให้น้อยที่สุด เพื่อลดผลกระทบภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้า ประชาชน และผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันจะให้ความสำคัญติดตามดูแลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยหรือผู้ประกอบการที่อาจยังคงได้รับผลกระทบทางรายได้และยังไม่สามารถกลับมาประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจได้ตามปกติผ่านมาตรการต่างๆ
  • สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เผย 7 เดือนแรกปีนี้ “เอกชน” เร่งออกหุ้นกู้ ล็อกต้นทุนหนีดอกเบี้ย “ขาขึ้น” แล้วกว่า 7.41 แสนล้าน เผยช่วงที่เหลือปีนี้คาดยังขอ ยื่นไฟลิ่งต่อเนื่องจากที่รอขาย-อนุมัติถึง 1.14 แสนล้าน นำโดย GULF-CPF-SCCC มั่นใจทั้งปีนี้ยอดทะลุ 1 ล้านล้าน เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
  • ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค.-5 ส.ค.65 พบว่าสถาบันในประเทศขายสุทธิ 102,525.64 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 2,499.14 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 121,475.56 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ (รายย่อย) ขายสุทธิ 21,450.06 ล้านบาท
  • ส.อ.ท.จับตาสถานการณ์ขาดชิป กระทบอุตฯ ยานยนต์ หลังจีนงดส่งออกทรายดิบป้อนไต้หวัน ดันราคาชิปพุ่งต้นทุนเพิ่ม ยอมรับตลาดรถมือสองมาแรงหลังคนไทยค่าครองชีพพุ่ง ลุ้นมาตรการรัฐกระตุ้นแรงซื้อ
  • ก.ล.ต. เผยวอลุ่ม เทรดตลาด “คริปโทเคอร์เรนซี” เมืองไทย เดือนมิ.ย.65 ร่วง 72.2% มาอยู่ที่ 7 หมื่นล้าน ขณะที่บัญชีผู้ซื้อขายไทยปัจจุบันเคลื่อนไหว 2.5 แสนบัญชี (5 ส.ค.65) เป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 1 ปี
  • สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยรายงานสถานการณ์ส่งออกข้าวว่าจากข้อมูลของกรมศุลกากร การส่งออกข้าวในช่วง 6 เดือนแรก ของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2565) มีปริมาณ 3,507,020 ตัน มูลค่า 60,932.3 ล้านบาท(1,837.1 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยปริมาณเพิ่มขึ้น 56.6% และมูลค่า เพิ่มขึ้น 42.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกัน ของปี 2564 ที่ส่งออกปริมาณ 2,239,432 ตัน มูลค่า 42,641.8 ล้านบาท (1,407.9 ล้านเหรียญสหรัฐ)
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยพุ่งขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 258,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.6%
  • หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผย ว่า เฟดควรพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งต่อๆ ไป เพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงมาอยู่ในระดับที่เฟดตั้งเป้าไว้ที่ 2%
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนก.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์ในมุมมองของผู้บริโภคเดือนส.ค. (เบื้องต้น) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อเป็นสัญญาณบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในวันพุธนี้ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค. และจากนั้นจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.
  • ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวนด้วยเช่นกัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 65)

Tags: ,
Back to Top