หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามภูมิภาค,รับ KBANK เข้า MSCI-บาทแข็งหนุน Fund Flow

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดภูมิภาค ที่ฟื้นตัวตามตลาดสหรัฐและยุโรป อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจาก MSCI ได้เพิ่มหุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ในการคำนวณดัชนี MSCI Global Standard รวมถึงค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่า หนุนเงินทุนไหลเข้าต่อเนื่อง และงบไตรมาส 2/65 ของบริษัทจดทะเบียนไทยก็ออกมาดีกว่าตลาดคาด ให้แนวรับที่ 1,615-1,618 จุด และ แนวต้าน 1,630-1,635 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย ที่ฟื้นตัวตามตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรป และยังได้ปัจจัยหนุนจากวันศุกร์ที่ผ่านมา MSCI ซึ่งเป็นผู้จัดทำดัชนีตลาดหุ้นระดับโลกได้ประกาศผลการทบทวนดัชนีรายไตรมาส โดยในส่วนของหุ้นไทยนั้น MSCI ได้เพิ่มหุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ในการคำนวณดัชนี MSCI Global Standard ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ณ ราคาปิดตลาดวันที่ 31 ส.ค.นี้ และ MSCI ไม่ได้ถอดหุ้นไทยใดๆ ออกจากดัชนีดังกล่าวในการทบทวนดัชนีครั้งนี้ ทำให้เช้านี้น่าจะได้รับอานิสงส์บวก

ทั้งนี้ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่า เป็นผลดีต่อเงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลเข้าต่อเนื่อง และงบไตรมาส 2/65 ของบริษัทจดทะเบียนไทยส่วนใหญ่ก็ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ด้วย

พร้อมให้แนวรับที่ 1,615-1,618 จุด และ แนวต้าน 1,630-1,635 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (12 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด 33,761.05 จุด เพิ่มขึ้น 424.38 จุด หรือ +1.27%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,280.15 จุด เพิ่มขึ้น 72.88 จุด หรือ +1.73% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,047.19 จุด เพิ่มขึ้น 267.27 จุด หรือ +2.09%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,623.78 จุด เพิ่มขึ้น 76.80 จุด หรือ 0.27%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,038.48 จุด ลดลง 137.14 จุด หรือ -0.68% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,268.37 จุด ลดลง 8.52 จุด หรือ -0.26%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 ส.ค.65.) ที่ระดับ 1,622.26 จุด เพิ่มขึ้น 5.05 จุด, +0.31%

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,764.89 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ส.ค..65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย. (12 ส.ค.) ร่วงลง 2.25 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 92.09 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปรับตัวขึ้น 3.5% ในรอบสัปดาห์นี้

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ส.ค.) อยู่ที่ 9.03 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.36 คาดกรอบวันนี้ 35.20-35.40 จับตาตัวเลข GDP Q2/65 ไทย

– โลกแบ่ง 2 ขั้ว “จีน-สหรัฐ” ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครน หวั่น เกิดภาวะ “สงครามทุกรูปแบบ” ทุบเศรษฐกิจโลกสศช.ห่วงกระทบวงกว้าง แนะไทยเร่งดึงลงทุนอุตสาหกรรมชิป อิเล็กทรอนิกส์ แผนบริหารเศรษฐกิจ ที่เหลือปีนี้ต้องรักษาระดับส่งออก-ท่องเที่ยว สศค.เกาะติดความขัดแย้งระหว่างประเทศ กระทบเงินเฟ้อ การค้าลงทุน การผลิต “เกียรตินาคินภัทร” ชี้หากรุนแรงขึ้น เสี่ยงกระทบส่งออกของไทย

– “เพื่อไทย” จ่อยื่นตีความวาระนายกฯ 8 ปี ต่อ ปธ.รัฐสภา 17 ส.ค.นี้ มั่นใจ “บิ๊กตู่” ไม่รอด มติ กรธ.ชุด “มีชัย” หลุดอีก ชี้เจตนา รธน.60 มัดปม “ประยุทธ์” ครบ 8 ปี ส.ค.นี้ “อดีตผู้ว่าฯ สตง.” เตือนพ้นตำแหน่งแล้วยุ่งเงินแผ่นดินจะมีปัญหา “เจษฎ์” เชื่อศาล รธน.ไม่ยื้อ

– แบงก์ชาติอัดซอฟต์โลน 1 แสนล้าน ดีเดย์ 1 ก.ย.นี้ ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ 2 ปีแรก 2% ต่อปี โครงการ “สินเชื่อเพื่อการปรับตัว” ผลักดันธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้พยุงเอสเอ็มอีลงทุนสู้วิกฤต-ดอกเบี้ยขาขึ้น “กสิกรไทย-กรุงเทพ” เร่งสำรวจความต้องการ พร้อมมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง KKP ประเมิน กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องถึงปีหน้าสกัดเงินเฟ้อ คาดแบงก์อั้นดอกเบี้ยเต็มที่ได้ 6 สัปดาห์ คลังสั่งแบงก์รัฐตรึงดอกเบี้ย-อุ้มลูกหนี้

– นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นนั้น สบน.ต้องบริหารจัดการหนี้สาธารณะให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะเน้นดอกเบี้ยคงที่ให้มากกว่าดอกเบี้ยลอยตัวและดอกเบี้ยระยะสั้น เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และจากนี้ไปหมดยุคดอกเบี้ยต่ำแล้ว โดยปัจจุบันสัดส่วนดอกเบี้ยแบบคงที่อยู่ที่ 82% ของเงินกู้ทั้งหมด

*หุ้นเด่นวันนี้

– KBANK (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 170 บาท MSCI ประกาศนำ KBANK เข้าคำนวณในดัชนี MSCI Global Standard ตามคาดหนุนเม็ดเงินเข้าลงทุนในหุ้น KBANK เพิ่มขึ้น ขณะที่วันนี้ติดตามสภาพัฒน์ประกาศ GDP ไตรมาส 2/65 หากยังขยายตัวดีจะเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร

– SUSCO (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.50 บาท บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 158 ล้านบาท +156%YoY, +21%QoQ ดีกว่าที่ตลาดคาด ได้แรงหนุนจากสถานการณ์ Covid-19 ที่คลี่คลาย ส่งผลให้ปริมาณขายน้ำมันอากาศยานกลับมาขยายตัว ประกอบกับการเปิดสถานีบริการร่วมกับพันธมิตร ESSO ต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณขายน้ำมันผ่านสถานีบริการเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันการทยอยปรับเพิ่มราคาดีเซล ส่งผลให้ค่าการตลาดต่อลิตรที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มไตรมาส 3/65 อาจชะลอลงบ้าง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่เข้าหน้าฝน แต่รวม 2H65 คาดเติบโตต่อเนื่อง YoY จากการขยายสถานีบริการร่วมกับ ESSO ตามเป้าที่ 80 สถานี (ปัจจุบัน 50 สถานี) ส่วนค่าการตลาดคาดว่ายังอยู่ในระดับเดียวกับ 1H65 ซึ่งดีกว่าฐานของปีก่อน ตลาดคาด EPS Growth ปี 65 +52%YoY Valuation ยังไม่แพง PE ต่ำ 10-11x มี Dividend Yield ที่น่าสนใจ 6-7%

– TFG (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 7.50 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/65 คาดยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องหลังจากประกาศกำไรไตรมาส 2/65 ออกมาทำ New High และดีกว่าคาดมากหนุนจากราคาเนื้อสัตว์ทั้งหมูและไก่ที่สูง รวมถึงการขยายสาขาร้าน Thaifood Fresh Mart อยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565 จากปัจจุบันที่คาด +4x Y-Y และมองบวกต่อธุรกิจที่มีเสถียรภาพมากขึ้นจากการเติบโตของธุรกิจค้าปลีก ปัจจุบันราคาหุ้นยังเทรด PER ต่ำราว 10 เท่า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top