IND คาด H2/65 โตตามอุตฯก่อสร้างหลัง H1/65 พลิกกำไร ตุน Backlog กว่า 2.4 พันลบ.

นางพรลภัส ณ ลำพูน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป (IND) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง 65 บริษัทคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามอุตสาหกรรมก่อสร้างของภาครัฐที่มีแนวโน้มฟื้นตัวที่จากการเร่งรัดให้มีงานโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีโอกาสเข้าร่วมประมูล โครงการออกแบบและก่อสร้างใหม่ๆ เพิ่มอีกหลายโครงการและยังทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 2,403.10 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิ.ย. ทำให้มั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 20-25%

“ภาพรวมธุรกิจของบริษัทในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาถือว่าเติบโตตามที่ตั้งเป้าไว้ และเชื่อว่าทั้งปีจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีงานโครงสร้างพื้นฐานใหญ่ๆ จากภาครัฐออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะหนุนให้บริษัทฯ ทยอยรับงานใหม่ๆ เพิ่ม โดยยังมีโปรเจคในอนาคตอีกมากมายที่บริษัท เตรียมเข้าประมูลและมีโอกาสได้งาน  ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของบริษัทในอนาคต และผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น “นางพรลภัส กล่าว

สำหรับผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรก (สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.65) บริษัทมีกำไรสุทธิ 17.18 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 17.04 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการให้บริการจำนวน 275 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 127.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 86.67%  จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 147.32 ล้านบาท

ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาจากการส่งมอบงานโครงการขนาดใหญ่ เช่น ออกแบบพร้อมก่อสร้าง – ระบบบริการน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานสนามบินอู่ตะเภา , ออกแบบและก่อสร้างโครงการเปลี่ยนแปลงแนวท่อขนส่งน้ำมันในพื้นที่ซับซ้อน โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ช่วงพญาไท – บางซื่อ – หมู่บ้านกลางกรุง

นอกจากนี้ยังได้รับงานออกแบบเบื้องต้นและออกแบบรายเอียดเพิ่ม 6 โครงการ โดยโครงการที่มีมูลค่างานมากกว่า 18 ล้านบาท มีจำนวน 2 โครงการ  อาทิเช่น งานสัญญาจ้างวิศวกรที่ปรึกษา สำรวจและออกแบบทางหลวง 4 ช่องจราจร อุดรธานี-บึงกาฬ  และงานสัญญาจ้างวิศวกรที่ปรึกษา สำรวจและออกแบบ และบูรณะสะพาน บนทางหลวงหมายเลข 4 ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี สมุทรสงคราม และประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ส.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top