สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจแห่งสหรัฐ (U.S. Bureau of Economic Analysis) และสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐ (U.S. Census Bureau) เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นในเดือนต.ค. เนื่องจากการส่งออกปรับตัวลง และจากอุปสงค์ที่ลดลงสำหรับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของสหรัฐ
ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้นจากระดับ 7.41 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.ย. แตะที่ 7.82 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. หลังการนำเข้าเพิ่มขึ้น และการส่งออกลดลง
ทั้งนี้ ยอดส่งออกลดลง 0.7% สู่ระดับ 2.566 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงการส่งออกน้ำมันปิโตรเลียม เวชภัณฑ์ และก๊าซธรรมชาติที่หดตัวลง สวนทางกับยอดนำเข้าที่เพิ่มขึ้น 0.6% แตะที่ 3.348 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากสหรัฐนำเข้าพลังงาน เวชภัณฑ์ รวมถึงรถยนต์มากขึ้น
การใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้นด้วย แม้อัตราเงินเฟ้อสูงเป็นประวัติการณ์และมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า
บรรดานักลงทุนสถาบันและรายย่อยในตลาดวอลล์สตรีทได้แสดงความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ขณะที่ตัวเลขว่างงานของสหรัฐยังต่ำ แต่อัตราเงินเฟ้อกลับพุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี
ปัจจัยดังกล่าวได้กระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี เพื่อพยายามลดอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 65)
Tags: สหรัฐ, เศรษฐกิจสหรัฐ