เงินบาทเปิด 34.90 คาดกรอบวันนี้ 34.75-35.00 ตลาดรอปัจจัยใหม่

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.90 บาท/ดอลลาร์ แข็ง ค่าจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 35.08/10 บาท/ดอลลาร์

ล่าสุดเงินบาทยังแข็งค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 34.86 บาท/ดอลลาร์ หลังจากจากบอนด์ยิลด์สหรัฐลงไปค่อนข้างแรง ทำให้ตลาดมี ความกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 66 ขณะที่เมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง 3 เดือน ซึ่ง ส่งผลดีต่อค่าเงินบาทอยู่บ้าง

“นักลงทุนกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ จึงเข้าไปซื้อทองคำแทน ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น ผู้ค้าทองในประเทศจึงขาย ทองคำ แล้วนำดอลลาร์มาแลกเป็นบาท จึงทำให้บาทแข็งค่า” นักบริหารเงินระบุ

สัปดาห์นี้ อาจยังไม่มีปัจจัยสำคัญมากนัก เพราะตลาดรอดูสัปดาห์หน้าที่จะมีการแถลงเงินเฟ้อเดือนพ.ย.ของสหรัฐ รวมทั้งการ ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC)

นักบริหารเงิน คาดว่า เงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.75- 35.00 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (7 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.20590% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.64776%

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 136.86 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 137.40/80 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0499 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0473/0475 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.078 บาท/ดอลลาร์

– รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% มาอยู่ที่ 1.25% ต่อปี ทำให้การส่งผ่านดอกเบี้ยไปยังต้นทุนการเงินธนาคารเพิ่มขึ้น และ ทำให้ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ เริ่มทยอยประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินกู้อ้างอิงประเภทดอกเบี้ยสิน เชื่อรายย่อยชั้นดี หรือเอ็มอาร์อาร์ ที่คิดกับสินเชื่อที่อยู่อาศัยมีการเพิ่มขึ้น และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนปี 66 ด้วย

– ททท.ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปี 2566 กรณีฐาน 18 ล้านคน และถ้ารัฐบาลจีนเปิดให้ชาวจีนเดินทาง ระหว่างประเทศได้จะไปสู่เป้าหมายกรณีดีที่สุดที่ 25 ล้านคน โดยสัญญาณจากจีนขณะนี้เป็นไปในทิศทางที่ดีเชื่อว่าจะเริ่มเปิดประเทศปลาย ไตรมาส 1/2566 หรือปลายเดือน มี.ค. จึงมีเวลา 9 เดือนที่นักว่าจะเริ่มเปิดประเทศปลายไตรมาส 1/2566 หรือปลายเดือน มี.ค. จึงมีเวลา 9 เดือนที่นักท่องเที่ยวจีนจะมาเที่ยวไทย ซึ่งคาดว่าจะได้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีน 1.5 ล้านคนในปีหน้า จากนั้นปี 2567 เมื่อ นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาอย่างเต็มที่ ตลอดทั้งปีก็จะเกิด Great Resumption หรือการฟื้นฟูอย่างยิ่งใหญ่ ของธุรกิจท่องเที่ยวไทย

– ภาคเอกชนออกโรง ค้านนโยบายค่าแรง 600 บาท กกร.ย้ำ ต้องปรับตามกลไก พิจารณาเศรษฐกิจ ทักษะแรงงาน ห่วง กระทบต้นทุนธุรกิจ 70% เอสเอ็มอีเสี่ยงเลิกกิจการ “สภานายจ้าง” หวั่นกระทบส่งออก เอฟดีไอ ฉุดจีดีพี 2.5% ระบุต้นทุนเพิ่มหลาย ธุรกิจ สมาคมอสังหาฯ ชี้กระทบต้นทุน แนะปรับในระดับเหมาะสม จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ แนะหมดยุค หาเสียงด้วยประชานิยม

– โบรกเกอร์จี้รัฐทบทวนภาษีขายหุ้น ชี้กำลังทำลายตลาดทุน ทางอ้อม ด้าน “เทรดเดอร์” ระบุภาษีไม่ควร สูงกว่าค่า คอมมิชชั่น ยอมรับต้องปรับกลยุทธ์ลงทุนใหม่ ส่อหันเทรดหุ้นนอกเพิ่ม ด้าน “อาคม” เมินเสียงค้าน เดินหน้าจัดเก็บภาษีต่อ ย้ำชัดอัตราภาษี เป็นแนวทางเดียวกับ อีกหลายประเทศ

– กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยความคืบหน้าการติดตามสายพันธุ์ โควิด-19 ในไทยพบ สายพันธุ์ “BA.2.75” มีสัดส่วน เพิ่มขึ้น จนกลายเป็นสายพันธุ์หลักในประเทศและไม่พบสายพันธุ์เดลต้าแล้ว

– เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.7 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 50.4 ในเดือนต.ค. แต่สูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 47.6

– ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มวิตกกังวลว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (7 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการร่วง ลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการ ประชุมสัปดาห์หน้า

– ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เพื่อ หาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

– นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 13-14 ธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ รวมทั้งถ้อย แถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566

– นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันในการประชุม 4 ครั้งที่ผ่านมา

– ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2.00% ในปีหน้า หากสหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ธ.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top