BCAP ดัน AUM แตะ 7.5 หมื่นล้าน ผนึกพันธมิตรระดับโลกรุกการลงทุนทางเลือกกระจายเสี่ยง

บลจ.บางกอกแคปปิตอล (BCAP) กางแผนธุรกิจปี 66 รุก Alternative Investment จับมือพันธมิตรหลากหลายระดับโลกออกกอง ไพรเวท แอสเส็ท และ เฮดจ์ฟันด์เพื่อกระจายความเสี่ยงตลาดผันผวน ตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้บริหาร (AUM) อยู่ที่ 7.5 หมื่นล้าน เผยปีนี้มีแผนออกกอง เฮดจ์ฟันด์ร่วมกับพันธมิตร Pictet นำเสนอขายนักลงทุน

นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ BCAP เปิดเผยว่า ภาพรวมการดำเนินงานของบริษัทในปี 65 มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) อยู่ที่ 63,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่ารวม 60,557 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับภาพรวมอุตสาหกรรมที่ลดลง ถือว่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารของบริษัทมีการเติบโตที่โดดเด่นกว่าตลาด

สำหรับปี 66 บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะมี AUM 75,000 ล้านบาท โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากความร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพ ออกกองทุน การลงทุนทางเลือก (Alternative Investment) ที่มีความหลากหลาย เช่น Hedge Fund, Private Real Estate เติมเต็มโมเดลพอร์ตการลงทุนให้ครบถ้วน สำหรับลูกค้า Wealth ของธนาคารกรุงเทพ

แนวโน้มการลงทุนใน Public Market ในปีนี้ยังมีความผันผวนสูง บริษัทจึงได้ปรับกลยุทธ์หันไปเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Private Market ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหน่วย รวมทั้งเป็นการกระจายความเสี่ยง

BCAP ประเมินว่าการลงทุนใน Public Market จะมีความผันผวนที่สูงและสร้างผลตอบแทนต่ำลงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด โดยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า มองว่าการลงทุนใน Public Market มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวลง อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มคงอยู่ในระดับสูง อีกทั้งสภาพคล่องถูกถอนออกจากระบบ

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน แนะนำว่าควรกระจายการลงทุนมาสู่การลงทุนทางเลือกอื่น ๆ มากขึ้น อาทิ การลงทุน Private Market เช่น การปล่อยกู้ยืมนอกตลาด (Private Debt) หุ้นนอกตลาด (Private Equity) อสังหาริมทรัพย์นอกตลาด (Private Real Estate) และการลงทุนใน Hedge Fund โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำเช่นพวก Multi-Strategy และ Arbitrage Strategy เป็นต้น

“BCAP มองว่าการลงทุนใน Private Market สามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าสินทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาด แต่อาจจะมาพร้อมความเสี่ยงที่มากกว่า แต่เราสามารถจำกัดความเสี่ยงได้ โดยการอาศัยผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในการแสวงหาสินทรัพย์และบริษัทนอกตลาดที่จะลงทุนแทนเราได้ ซึ่งที่ผ่านมา บลจ.บีแคป มีการออกกองทุนลักษณะนี้มาบ้างแล้ว โดยร่วมกับผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญคือ Pictet และ Vista Equity Partners ซึ่งได้รับการตอบที่ดีจากนักลงทุน”

นางเมธ์วดี กล่าว

ด้านนายธนาวุฒิ พรโรจนางกูร รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน กล่าวว่า บริษัทประเมินว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอลงจนอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว และอาจจะมีบางประเทศเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเวลาสั้น ๆ จากผลกระทบการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงของเฟดเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แต่ประเมินว่าภาคแรงงานที่ยังมีความแข็งแกร่งอยู่มากจะส่งผลให้เฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อีก 3 ครั้ง และเงินเฟ้อปลายปีจะยังคงอยู่ในเหนือเป้าหมายที่เฟดตั้งไว้ที่ 2% ทำให้ยังไม่เห็นนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย (easing policy) หรือมีการลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรวดเร็ว

ผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวกดดันรายได้และกำไรของบริษัทจดทะเบียน แต่ราคาหุ้นได้ปรับลงมารับข่าวแล้ว จุดต่ำสุดของราคาหุ้นจึงน่าจะผ่านไปแล้ว อีกทั้งการเปิดประเทศของจีนจะมีส่วนช่วยกระตุ้น sentiment การลงทุนในระยะสั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี

BCAP ประเมินว่าตลาดยุโรปและตลาดเกิดใหม่มีความน่าสนใจที่จะทยอยเข้าไปลงทุนมากเป็นพิเศษ เนื่องจากทั้งสองภูมิภาคมีความยึดโยงกับเศรษฐกิจประเทศจีนค่อนข้างสูงทั้งในแง่การท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้าสู่ประเทศจีน อีกทั้ง PE Ratio อยู่ในระดับต่ำกว่าที่อื่นๆ แม้ว่าในยุโรปอาจจะมีความเสี่ยงการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย แต่ด้วยราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลงมา ก็ทำให้แรงกดดันตรงนี้ลดลงตามไปด้วย

สำหรับหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจ โดยรวมเรายังถือกลุ่ม Defensive Factor เป็นหลัก และเริ่มมีการทยอยสะสมกลุ่ม Growth Factor เข้ามาบ้างบางส่วนโดยเฉพาะหุ้นเทคฯจีน และ เทคฯ ขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ที่มีสัดส่วนรายได้สม่ำเสมอจาก Cloud Business และ Data Center เป็นต้น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ม.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top