BBIK ร่วมทุน เดอะ สแตนดาร์ด สร้าง New S-Curve ปลดล็อคศักยภาพธุรกิจยุคใหม่

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บลูบิค กรุ๊ป (BBIK) กล่าวว่า บริษัทได้จับมือ บริษัท เดอะ สแตนดาร์ด จำกัด ผู้ผลิตสื่อออนไลน์อันดับต้นๆของประเทศ ในฐานะผู้ผลิตรายการ THE SECRET SAUCE พอดแคสต์ถอดรหัสความสำเร็จการทำธุรกิจและการพัฒนาความเป็นผู้นำ จัดตั้ง JV บริษัทร่วมทุน ซอส สกิลส์ จำกัด รุกธุรกิจ Corporate Training มุ่งยกระดับทักษะและความรู้ความเข้าใจด้านดิจิทัล – ธุรกิจ – การส่งเสริมความเป็นผู้นำในองค์กร เพื่อสร้าง New S-Curve พร้อมปลดล็อคศักยภาพการดำเนินงานให้สอดรับกับบริบทของโลกธุรกิจยุคใหม่

การร่วมทุนในครั้งนี้บริษัทตั้งเป้าจับกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ มั่นใจจุดแข็งด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของ BBIK และความเป็นผู้นำด้านคอนเทนต์และ Storytelling ของ THE STANDARD จะช่วยยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันให้องค์กรลูกค้า พร้อมฝ่าทุกวิกฤตและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงระยะยาว

การรักษาขีดความสามารถการแข่งขันพร้อมการสร้างการเติบโตทางธุรกิจ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและความผันผวนของเศรษฐกิจ เป็นความท้าทายหลักที่ภาคธุรกิจต้องเผชิญและฝ่าฟันในปีนี้ การเตรียมความพร้อมด้วยการสร้างความยืดหยุ่น เพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบการปฏิบัติงานและบุคลากรด้วยการเปลี่ยนผ่านองค์กรเป็น “Digital-First Company” จึงเป็นแผนสำคัญของหลายองค์กรทั่วโลก เพื่อใช้รับมือปัญหาควบคู่กับการสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจ ซึ่งหนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้การทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ Digital-First Company สำเร็จได้ คือ การพัฒนาองค์ความรู้ด้านธุรกิจ นวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ถูกต้องให้แก่ผู้บริหารและพนักงาน

“การผสานจุดแข็งของบลูบิคที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจ และ THE STANDARD สื่อคุณภาพชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจและ Storytelling จะช่วยเติมเต็มความรู้และทักษะที่จำเป็นและสามารถใช้ได้จริงให้องค์กรธุรกิจ เพราะยิ่งการแข่งขันและความซับซ้อนเชิงนิเวศของธุรกิจ โดยเฉพาะ Digital Landscape มีมากเท่าใด การพัฒนาความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้องยิ่งสำคัญมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจ Corporate Training ที่จะช่วยเสริมแกร่งให้แก่องค์กรลูกค้าในระยะยาว และถือเป็นการต่อยอดบริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของบลูบิคให้ครบวงจรมากขึ้นอีกด้วย” นายพชร กล่าว

สำหรับหลักสูตรจะมุ่งเน้นพัฒนาทักษะที่จำเป็นและสามารถปรับใช้ได้จริงในการดำเนินธุรกิจทั้งปัจจุบันและอนาคต นอกจากเนื้อหาของหลักสูตรที่เข้มข้นแล้ว ผู้เข้าฝึกอบรมสามารถเรียนรู้จากกรณีศึกษา (Case Study) ของบริษัทชั้นนำในประเทศไทยที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง โดยเนื้อหาของหลักสูตรครอบคลุม 3 ทักษะสำคัญในการทำธุรกิจ ได้แก่

1. การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล (Digital Skills) สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการ Reskill และ Upskill ด้านดิจิทัลในทุกมิติ เพื่อยกระดับขีดความสามารถองค์กรให้ทันกับโลกธุรกิจยุคดิจิทัล อาทิ Data & Analytics, Product Management, Cybersecurity และ Agile Operation เป็นต้น

2. การพัฒนาทักษะด้านธุรกิจ (Business Skills) เช่น หลักสูตรด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจและการตลาด

3. หลักสูตรเพื่อส่งเสริมศักยภาพความเป็นผู้นำองค์กร (Leadership) เช่น หลักสูตรพัฒนาความเป็นผู้นำธุรกิจในโลกยุคดิจิทัล

นายนครินทร์ วนกิจไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและบรรณาธิการบริหาร THE STANDARD ระบุว่า ที่ผ่านมาทั้ง 2 บริษัทมีการทำ Corporate Training และจัด Workshop เพื่อพัฒนาทักษะด้านต่างๆให้กับองค์กรธุรกิจอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ จากประสบการณ์ดังกล่าวทำให้เชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า ด้วยเนื้อหาหลักสูตรที่ทันสมัยและเข้มข้นจากประสบการณ์จริงในทำธุรกิจ และการได้ใกล้ชิดพูดคุยกับผู้บริหารระดับประเทศมาแล้วหลายท่าน ทำให้มีความเข้าใจอุปสรรค ความท้าทาย และองค์ความรู้สำหรับทักษะที่จำเป็นของผู้นำในศตวรรษที่ 21

“องค์กรส่วนใหญ่ตระหนักดีว่าการทำธุรกิจยุคดิจิทัลต้องให้ความสำคัญด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อสร้าง New S-Curve ให้กับธุรกิจ รวมถึงจำเป็นต้องพัฒนาทักษะบุคลากรอยู่เสมอ เพื่อให้เท่าทันในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความท้าทายหนึ่ง คือ หลายองค์กรอาจยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จากจุดนี้ทำให้ เดอะ สแตนดาร์ด และ บลูบิค มีความคิดเห็นตรงกันว่าอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนองค์ความรู้ของภาคธุรกิจไทย จึงร่วมกันออกแบบหลักสูตรที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการและ Pain Point ของธุรกิจทุกระดับชั้นให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลง ทั้งในส่วนของพฤติกรรมลูกค้า คู่แข่ง และเทรนด์การทำธุรกิจใหม่ ๆ ทำให้องค์กรสามารถมองเห็นโอกาส ความเสี่ยง และทิศทางของธุรกิจในอนาคตได้อย่างแม่นยำ” นายนครินทร์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 เม.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top