คลินิกแก้หนี้ปรับเกณฑ์คุณสมบัติลูกหนี้สมัครเข้าโครงการ เริ่ม 1 พ.ค.นี้

น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ตามที่ ธปท. ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ ผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) จัดให้มีโครงการคลินิกแก้หนี้ (โครงการ) เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินได้เบ็ดเสร็จในที่เดียว ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน และได้ปรับเกณฑ์การช่วยเหลือลูกหนี้ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

แม้ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยโดยรวมจะปรับดีขึ้น แต่ครัวเรือนบางส่วนยังเปราะบางจากค่าครองชีพและภาระหนี้ที่สูงขึ้น โดยเฉพาะลูกหนี้กลุ่มบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันและมีเจ้าหนี้หลายราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังต้องการความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน

คณะกรรมการกำกับดูแลโครงการคลินิกแก้หนี้จึงปรับเกณฑ์คุณสมบัติให้ลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระมากกว่า 120 วันขึ้นไป สามารถเข้าร่วมโครงการได้ จากเดิมที่ต้องมีสถานะเป็นหนี้เสียก่อนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เท่านั้น รวมทั้งให้สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ลูกหนี้รู้จักโครงการและรับทราบสิทธิในการสมัครเข้าร่วม เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสแก้ปัญหาได้เร็วขึ้น ก่อนที่จะถูกขายหนี้หรือถูกบังคับคดี

นอกจากนี้ โครงการได้เพิ่มทางเลือกแผนการชำระหนี้ให้กับลูกหนี้ในโครงการที่เริ่มมีปัญหาในการผ่อนชำระ ซึ่งหากผิดนัดชำระซ้ำจะต้องกลับไปดำเนินการแก้ไขหนี้โดยตรงกับเจ้าหนี้ โดยโครงการจะพิจารณาเหตุผลความจำเป็น เพื่อแนะนำแผนการชำระหนี้ใหม่ที่เหมาะสมให้กับลูกหนี้เป็นรายกรณี เพื่อให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้ต่อเนื่องจนปลดหนี้ได้ในที่สุด ทั้งนี้ การปรับแผนการชำระหนี้ดังกล่าวจะจำกัดจำนวนครั้งและความถี่ อีกทั้งในระยะแรกของการปรับโครงสร้างหนี้ โครงการมีเงื่อนไขไม่ให้ลูกหนี้ก่อหนี้ใหม่ เพื่อสร้างวินัยและความรับผิดชอบ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกหนี้ได้อย่างยั่งยืน

สำหรับลูกหนี้ที่ยังมีความสามารถชำระได้ ธปท. แนะนำให้ชำระหนี้ต่อไปเพื่อไม่ให้เป็นหนี้เสีย ซึ่งจะกระทบประวัติทางการเงินและความสามารถในการกู้ยืมในอนาคต

การปรับปรุงโครงการดังกล่าว จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 เม.ย. 66)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top