นายกสั่งประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจต่อเนื่องแม้ GDP Q1/66 โตกว่าคาด

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลติดตาม และประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชื่อมั่นในการทำงานเพื่อกระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยว พร้อมได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเดินหน้าตามนโยบายทางเศรษฐกิจที่ได้วางไว้ ส่งเสริมความเชื่อมั่นเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวเร็วกว่าที่คาดในไตรมาสแรกของปี ตามที่ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการขยายตัวของภาคบริการ โดยเฉพาะในสาขาที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว รวมทั้งการผลิตในภาคเกษตร ขณะที่การอุปโภคบริโภคของเอกชน และรายรับจากบริการต่างประเทศยังคงขยายตัวต่อเนี่อง โดยก่อนหน้ามีการคาดการณ์ว่า GDP ของไทยช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2566 จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 ในช่วงไตรมาสก่อนหน้า

ในไตรมาสนี้ ด้านการผลิต ภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ 7.2 จากผลผลิตพืชสำคัญที่เพิ่มขึ้น ส่วนภาคบริการ ขยายตัวร้อยละ 5.2 โดยมีแรงสนับสนุนสำคัญมาจากสาขาบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร และการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า ขยายตัวร้อยละ 34.3 และร้อยละ 12.4 ตามลำดับ

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2566 สศช. คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.7-3.7 (ณ 15 พฤษภาคม 2566) จากปัจจัยสนับสนุนของการฟิ้นตัวการท่องเที่ยว การขยายตัวของการอุปโภคบริโภคในประเทศ และการขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ

“นายกรัฐมนตรีสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์ความท้าทายในโลกซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยให้ติดตาม เฝ้าระวัง พร้อมเดินหน้าตามนโยบายทางเศรษฐกิจที่ได้วางไว้ รวมถึงส่งเสริมความเชื่อมั่น เตรียมความพร้อม ใช้เป็นโอกาสโชว์ศักยภาพดึงดูดเงินลงทุนต่างประเทศ รวมทุกภาคส่วนผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างสมดุล เต็มศักยภาพ และยั่งยืน” นายอนุชา กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 พ.ค. 66)

Tags: ,
Back to Top