เจพีมอร์แกนเตือนหนี้เสียภาคอสังหาฯเพื่อการพาณิชย์อาจก่อปัญหาใหม่ให้แบงก์สหรัฐ

นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของธนาคารเจพีมอร์แกนกล่าวในระหว่างการประชุมพบปะนักลงทุนเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) ว่า วิกฤตการณ์แห่ถอนเงินฝากหรือ bank run เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ธนาคาร 3 แห่งของสหรัฐล้มละลายในปีนี้ แต่ขณะนี้มีความกังวลระลอกใหม่กำลังก่อตัวขึ้น นั่นคือตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Commercial real estate) ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่นำปัญหามาสู่ภาคธนาคาร

“ตลาดอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อภาคธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน หรือการปล่อยเงินกู้เพื่อการก่อสร้างในภาคอสังหาริมทรัพย์” นายไดมอนกล่าว

นายไดมอนกล่าวว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐเผชิญกับอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำมากเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำและภาคธนาคารได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นทางการเงินในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด แต่เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ สถานการณ์ก็ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยการก่อสร้างอาคารพาณิชย์ในบางตลาด ซึ่งรวมถึงในเมืองซานฟรานซิสโกซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยี อาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากพนักงานที่ทำงานทางไกลไม่เต็มใจที่จะกลับเข้ามาทำงานในสำนักงาน

“นี่เป็นเรื่องของวงจรสินเชื่อ ยกตัวอย่างเช่น หากอัตราว่างงานพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง การผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตก็จะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6% หรือ 7% แม้ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าระดับ 10% ที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตการเงินเมื่อปี 2551” นายไดมอนกล่าว

นายไดมอนยังกล่าวด้วยว่า ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐ โดยเฉพาะธนาคารขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากภาวะปั่นป่วนที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ จำเป็นต้องวางแผนรับมือกับอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้

“ผมคิดว่าจริง ๆ แล้วทุกคนควรต้องเตรียมพร้อมรับมือกับอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันสู่ระดับ 6% หรือ 7% ที่ผ่านมานั้นภาคธนาคารได้ทำการเพิ่มเงินทุนเพื่อรับมือกับการขาดทุนและดำเนินการตามกฎระเบียบ ด้วยการควบคุมการปล่อยเงินกู้ คุณได้เห็นแล้วว่าธนาคารหลายแห่งมีการคุมเข้มด้านสินเชื่อ นั่นเป็นเพราะแนวทางที่ง่ายที่สุดที่ธนาคารจะควบคุมเงินทุนก็คือการไม่ปล่อยเงินกู้ลอตใหม่” นายไดมอนกล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top