NNCL เจรจาจีนร่วมทุนขยายนิคมฯคาดชัดเจนปลายปีนี้ เร่ง COD โรงไฟฟ้า 30MW ต้นปี 67

นายสุทธิพล จันทวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นวนคร (NNCL) เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทมีโครงการอยู่ในไปป์ไลน์ไม่ต่ำกว่า 10 โครงการ นอกจากนี้ยังมีการติดต่อเจรจาในการร่วมขยายธุรกิจการทำนิคมอุตสาหกรรม ในพื้นที่ Strategic location เช่นพื้นที่จุดสำคัญในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศ

นอกจากนี้จากการขยายตัวจากธุรกิจอุตสหกรรมในประเทศจีน ซึ่งมีความสนใจเข้ามาร่วมธุรกิจกับบริษัทอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรม warehouse หรือโรงงานสำเร็จรูป โดยธุรกิจจากจีนส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับฐานลูกค้าที่พร้อมจะขยายฐานมาลงทุนที่ประเทศไทยอยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ EV เป็นการติดต่อในลักษณะร่วมค้าค่อนข้างมาก บริษัทมีความมั่นใจว่าในปลายปีนี้จะมีความชัดเจนเรื่องของการเจรจามากขึ้น

ความคืบหน้าโครงการจัดตั้งสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง OR ภายในโครงการเขตอุตสหกรรมฯนวนคร นครราชสีมา ซึ่งเป็นโครงการที่จะเชื่อมต่อระหว่างโซนอุตสาหกรรมและโซนที่อยู่อาศัย อยู่ระหว่างการพิจารณาแบบร่างแผนผังสถานีบริการฯ (Layout) โดยโครงการดังกล่าวเป็นโอกาสในการขยายขอบข่ายการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯให้มีความหลากหลาย เพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ อีกทั้งเป็นการสนับสนุนการสร้างเมือง Smart City บูรณาการที่สมบูรณ์แบบ

อย่างไรก็ตามโครงการโรงไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น ขนาดประมาณ 30 เมกะวัตต์ อยู่ในระหว่างการขอใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เครื่องจักรของโรงไฟฟ้าอยู่ระหว่างขนส่งจากประเทศมาเลเซีย จีน และญี่ปุ่น คาดการณ์จะเริ่มจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD)ได้ในช่วงเดือนมกราคม 2567

“มีความมั่นใจว่าตั้งแต่ไตรมาส 2/66 ผลกำไรจากธุรกิจไฟฟ้าจะดีขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งเรื่องต้นทุนพลังงานที่มีความผันผวนพอสมควร รวมทั้งนโยบายของต่างประเทศและในประเทศที่ต้องรอความชัดเจนในหลายส่วน แต่ด้วยเศรษฐกิจในอนาคตที่เป็น Digital Economy การทำธุรกิจไฟฟ้าที่รองรับด้านนี้โดยตรงยังต้องมีเกณฑ์ของกำไรที่เหมาะสม ทำให้ธุรกิจโรงไฟฟ้ามีรายได้ที่มั่นคง เติบโต Single digit” นายสุทธิพลกล่าว

ในไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้รวม 238 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) กำไรสุทธิจำนวน 75.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% YoY เนื่องจาก มีส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้า และกำไรจากรายได้ประจำ (Recurring income) ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมีการรับรู้รายได้จากการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 1/66 จำนวน 25.7 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมองว่าธุรกิจดังกล่าวยังมีโอกาสเติบโตค่อนข้างมาก ตามการเติบโตของโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรม และจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจฐานหลักที่จะเติบโตไปกับบริษัทได้อีกในอนาคต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 มิ.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top