DDD ลุ้นรัฐบาลใหม่เร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนรายได้ครึ่งปีหลังโต 20% ตามเป้า

นายวันชัย ศรีสุชน ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน บมจ.ดู เดย์ ดรีม (DDD) กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่รัฐบาลชุดใหม่เริ่มดำเนินงาน ซึ่งบริษัทคาดหวังว่านโยบายของรัฐบาลจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าของบริษัท เพิ่มกำลังซื้อและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งบริษัทคาดหวังการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้รวมปี 66 ของบริษัทโต 20% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,650.16 ล้านบาทตามเป้าหมาย

สำหรับประเด็นสินค้าคงเหลือที่มีปริมาณสูงขึ้น โดยสิ้นสุดไตรมาส 2/66 มีสินค้าคงเหลือ 695 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้วางแผนการเติบโตของยอดขายปี 66 ค่อนข้างสูงจากการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศจำนวนมาก จึงมีการจัดเตรียมสินค้าเพื่อรองรับการขาย ซึ่งการสินคาที่มีการสต๊อกเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศซึ่งจะมีระยะเวลาในการรอสินค้า (Lead time) ประมาณ 3-4 เดือนขึ้นไป ดังนั้น บริษัทจึงได้ทยอยเตรียมตุนสินค้าดังกล่าวไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ตระหนักถึงแนวโน้มการขายตั้งแต่ต้นปี ซึ่งได้มีการจัดการคำสั่งซื้อดังกล่าวให้มีความสมดุล ยืดหยุ่นมากขึ้น ให้สอดคล้องกับการขาย

ไตรมาส 2/66 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.46 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 114.13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน YoY ซึ่งขาดทุนอยู่ที่ 10.31 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้อื่นซึ่งมีจำนวน 29.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY จากผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยและเงินปันผลเป็นหลัก ทั้งนี้รายได้จากการขายของบริษัทอยู่ที่ 375.23 ล้านบาท ลดลง 7.54%YoY เนื่องจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามรายได้จากการขายต่างประเทศของส่วนงานธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเพิ่มขึ้น 2.70% YoY เติบโตจากยอดขายในฟิลิปปินส์ ประกอบกับการขยายตลาดไปสู่ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และกลุ่มเอเชียตะวันออกเพิ่ม

นอกจากนี้แผนการควบรวมกิจการ (M&A) บริษัทอยู่ในระหว่างศึกษาหาธุรกิจที่เหมาะสม และจะสามารถรองรับการธุรกิจหลักของบริษัท โดยต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนที่จะออกสินค้าใหม่ และขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งทั้ง M&A และแผนการขยายสินค้าและช่องทางการขายจะสร้างยอดขายและกำไรให้กับกลุ่มบริษัทต่อไปอย่างยั่งยืน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ส.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top