FTI ล็อคเป้ารายได้ปี 66 ทะลุ 800 ลบ.เตรียมแผนโครงการก่อสร้างโรงงานใหม่

นายวิกร ภูวพัชร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (FTI) เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 66 อยู่ที่ระดับ 800 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 15-20% เมื่อเทียบกับปี 65 ที่มีรายได้ 700 ล้านบาท โดยบริษัทฯยังคงเดินหน้าในการขยายธุรกิจตามแผนที่ได้วางไว้ เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายในปีนี้ รวมถึงเป็นฐานในการเติบโตในปีถัด ๆ ไป

โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯมีแผนในการขยายร้าน Water Store ให้ครบ 24 สาขา จากในปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายแล้ว 22 สาขา ขยายกลุ่มลูกค้าขายส่งเพื่อผู้ประกอบอาชีพระบบกรองน้ำ และครัวเรือนทั่วไป และการขยายร้าน AQUATEK ให้ครบ 20 สาขา จากในปัจจุบันที่มีตัวแทนจำหน่ายแล้ว 8 สาขา ขยายกลุ่มลูกค้าครัวเรือนที่มี Life Style ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่ง AQUATEK เจาะลูกค้ากลุ่ม Hi-end ทั้งการเลือกสินค้า และคุณภาพ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทฯได้เปิดสาขาใหม่จำนวน 4 สาขาประกอบไปด้วย Aquatek Shop สาขาอุดรธานี ซึ่งเป็นแห่งแรกในจังหวัดอุดรธานี, Aquatek Shop สาขาปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา, Aquatek Shop สาขาติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี และ Water Store สาขาลำลูกกาคลอง 4 จังหวัดปทุมธานี โดยการขยายสาขาดังกล่าวจะช่วยเพิ่มช่องทางในการนำเสนอสินค้า ขยายพื้นที่การให้บริการ และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายของบริษัทฯให้เติบโตขึ้นในอนาคต

ในขณะที่แผนในการศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วน และอุปกรณ์ระบบกรองน้ำของบริษัทฯมีความคืบหน้าตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบสถานะในด้านต่าง ๆ ก่อนการเข้าลงทุน ได้แก่ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง, เครื่องจักร, วัตถุดิบ, ผลิตภัณฑ์ ตลอดจนงบประมาณที่จะต้องใช้ในการลงทุน ซึ่งหากผลการศึกษาพบว่ามีความเป็นไปได้ในการลงทุน บริษัทจะนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาการลงทุน และจะดำเนินการแจ้งความคืบหน้าต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป

ก่อนหน้านี้บริษัทฯได้จัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศไทยจำนวน 3 บริษัท โดยเป็นความร่วมมือกับพันธมิตรจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 3 ราย ซึ่งพันธมิตรทั้ง 3 รายมีความเชี่ยวชาญในการผลิต และประกอบชิ้นส่วน และอุปกรณ์สำหรับระบบกรองน้ำ โดยจะใช้แหล่งเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ซึ่งการจัดตั้งบริษัทย่อยทั้ง 3 บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งบริษัทเพื่อผลิต และประกอบไส้กรองระบบกรองน้ำ, ผลิตและประกอบหม้อแปลง (Transformer) สำหรับระบบกรองน้ำ, ผลิตและประกอบอุปกรณ์ Booster pump สำหรับระบบกรองน้ำ เพื่อจัดจำหน่ายสำหรับตลาดในประเทศไทย และต่างประเทศ

ทั้งนี้หลังจากการจัดตั้งบริษัทย่อยทั้ง 3 บริษัทจะส่งผลให้บริษัทฯมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง, เพิ่มทักษะและประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต และเพิ่มการเติบโตในการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศโดย FTI ได้ยกทัพสินค้าเกี่ยวกับระบบน้ำ ทั้งเครื่องกรองน้ำ ปั้ม วาล์ว softener และ เมมเบรน มานำเสนอเพื่อขยายฐานผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า โดยได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรที่เป็น Suppliers เจ้าใหญ่จากประเทศจีนจำนวน 3 แห่งที่ FTI ได้ไปเยี่ยมชมโรงงานกระบวนการผลิตได้แก่ NANFANG PUMP INDUSTRY CO., LTD. หรือ CNP ผู้ผลิตปั๊มน้ำระดับโลก รองรับภาคอุตสาหกรรม การเดินเรือ อาคารสูง และในครัวเรือน และ WENZHOU RUNXIN MANUFACTURING MACHINE CO., LTD หรือ Runxin ผู้ผลิตหัววาล์วออโต้เมติก หัววาล์วแมนนวล และเครื่องทำน้ำอ่อน หรือ Softtener ที่รองรับการใช้งานทั้งในภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และในครัวเรือน รวมถึง VONTRON TECHNOLOGY CO.,LTD หรือ Vontron ผู้ผลิตเมมเบรนระดับโลกสำหรับใช้กับระบบกรองน้ำ Reverse Osmosis มีเมมเบรนที่รองรับการผลิตน้ำเป็นจำนวนมาก รองรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมถึงการใช้ในครัวเรือน ซึ่งเมมเบรน VONTRON ยังมีความสามารถในการกรองน้ำทะเลได้อีกด้วยซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก โดยในงาน Thai water Expo 2023 ที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันที่ 30 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นี้ ทาง FTI และ 3 พันธมิตร ก็ได้ผนึกกำลังยกทัพสินค้า ทั้งเครื่องกรองน้ำ ปั้ม วาล์ว softener เมมเบรน และสินค้าเกี่ยวกับระบบน้ำต่างๆ กันมาให้ชมกันอย่างครบเครื่องอีกด้วย

“เรายังคงเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผน เพื่อให้ผลงานโดยรวมทั้งปีเข้าเป้า และเป็นฐานในการเติบโตในอนาคต ทั้งการขยายสาขาเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่จะทำให้เราสามารถผลิตสินค้า พัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมด้วยต้นทุนที่ต่ำลงแต่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น รวมถึงแผนในการศึกษาการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ก็มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องเป็นที่น่าพอใจ” นายวิกร กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 2/66 บริษัทฯมีรายได้รวม 399.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.13 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 357.81 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 30.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.18 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 21.04 ล้านบาท จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการขยายตัวแทนจำหน่าย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ส.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top