อภิมหาเศรษฐีเอเชียลดลงมากสุดในโลกปี 2565 เซ่นพิษโควิด – สงครามในยูเครน

อัลทราทา (Altrata) และเวลธ์ – เอ็กซ์ (Wealth – X) เผยแพร่รายงานความมั่งคั่งพิเศษโลก (World Ultra Wealth Report) ซึ่งเป็นการวิเคราะห์กลุ่มผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra – High – Net – Worth: UHNW) ของโลก โดยบ่งชี้ถึงคนรวยที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รายงานระบุว่า กลุ่ม UHNW นี้ขยายใหญ่ขึ้นและมีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยปัจจุบันถือครองทรัพย์สินรวมกันถึงกว่า 45 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 จำนวนคนที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม UHNW ลดลง 5.4% สู่ระดับ 395,070 คน โดยถือเป็นการลดลงรายปีครั้งแรกในรอบ 4 ปีและลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2558

รายงานระบุว่า เอเชียเป็นทวีปที่มีจำนวนประชากรกลุ่ม UHNW มากที่สุดอันดับสอง รองจากอเมริกาเหนือ แต่จำนวนประชากรและความมั่งคั่งสะสมในกลุ่มดังกล่าวลดลงมากที่สุดในโลกในปี 2565 โดยประชากร UHNW ของเอเชียลดลง 10.9% แตะที่ 108,370 ราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 27% ของโลก ส่วนความมั่งคั่งรวมลดลง 10.6%

ปัจจัยที่กระทบต่อกลุ่ม UHNW ของเอเชียในปี 2565 คือการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของจีน ซึ่งเพิ่งยกเลิกไปในเดือนธ.ค.ปีที่ผ่านมา และผลกระทบจากสงครามในยูเครนที่มีต่อการส่งออกและการบริโภค รวมถึงภาวะติดขัดด้านห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและภาวะหุ้นซบเซา โดยเฉพาะในตลาดที่มีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเป็นจำนวนมาก เช่น เกาหลีใต้และไต้หวัน

นอกจากนี้ ความมั่งคั่งของกลุ่ม UHNW ในเอเชียยังเผชิญแรงกดดันจากเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น โดยกรณีดังกล่าวทำให้เกิดความผันผวนในตลาดสินทรัพย์ต่าง ๆ ทั่วเอเชียและทำให้ภาวะการเงินตึงตัวขึ้น เนื่องจากธนาคารกลางระดับภูมิภาคต้องเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนสกุลเงินท้องถิ่นที่ถูกกดดัน

ส่วนอเมริกาเหนือเป็นทวีปที่มีประชากร UHNW มากที่สุดในโลก แต่ประชากรกลุ่มดังกล่าวลดลง 4% แตะที่ 142,990 รายในปี 2565 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 ปีและลดลงรายปีมากที่สุดในรอบหนึ่งทศวรรษ

 

  • ประเทศและดินแดนที่มีประชากร UHNW มากที่สุดประจำปี 2565
1. สหรัฐ 129,665 คน
2. จีน 47,190 คน
3. เยอรมนี 19,590 คน
4. ญี่ปุ่น 14,940 คน
5. อังกฤษ 14,005 คน
6. แคนาดา 13,320 คน
7. ฮ่องกง 12,615 คน
8. ฝรั่งเศส 11,980 คน
9. อิตาลี 8,930 คน
10. อินเดีย 8,880 คน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top