WHA ขยับเป้าขายที่ดินขึ้นอีกรอบรับดีมานด์ขยายฐานจากจีนทะลัก-หวังผลดีร่วมคณะนายกฯดึงระดับโลก

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเพิ่มเป้ายอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมเป็น 2,750 ไร่ จากเป้าล่าสุดที่ปรับขึ้นมาที่ 2,500 ไร่ เนื่องจากความต้องการของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนชาวจีนที่มีการขยายฐานการผลิตออกมานอกประเทศ ทำให้ความต้องการซื้อที่ดินกลับมาสูงขึ้น โดยเฉพาะนิคมอุตสลหกรรม WHA ในเวียดนามที่ทำยอดขายได้ดีกว่าที่คาดไว้

ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมของ WHA ในไทย ก็มีความต้องการจากนักลงทุนชาวจีนเช่นกัน โดยเฉพาะค่ายรถยนต์ใหญ่จากจีน โดยขณะนี้รอเซ็นสัญญาซื้อขายที่ดินถึง 600 ไร่ คาดว่าจะปิดดีลได้ในช่วงปลายปี 66 หรือต้นปี 67 อีกทั้งยังมีอีก 1 ดีลจากอีกค่ายรถยนต์จากจีนคาดว่าจะสามารถปิดดีลขายที่ดิน 200-300 ไร่ภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ ส่วน Backlog ขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมปัจจุบันมีอยู่กว่า 1 พันไร่ และมีการเซ็น MOU กับลูกค้าไปแล้ว 700-800 ไร่

นางสาวจรีพร กล่าวว่า สัดส่วนกลุ่มลูกค้านักลงทุนจากจีนได้เพิ่มขึ้นมาค่อนข้างมากที่ 16% รองจากกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นี่อยู่ในระดับ 30% และสัดส่วนเท่ากับกลุ่มลูกค้าไทยที่ 16% แต่มองว่าลูกค้าจีนจะเพิ่มขึ้นอีกมาก เพราะปัจจุจันเริ่มทยอยขยายการลงทุนมายังประเทศในอาเซียนค่อนข้างมาก ทำให้เป็นอีกหนึ่งกลุ่มลูกค้าที่จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเน้นการกระจายกลุ่มลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เดินทางร่วมคณะไปสหรัฐกับนายกรัฐมนตรี เพื่อพูดคุยในการดึงดูดผู้ประกอบการธุรกิจระดับโลกเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้ง Tesla, Mictosoft และ Google เป็นต้น ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี โดยบริษัทให้ข้อมูลเกี่ยวกับศักยภาพเพื่อเชิญชวนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และเป็นโอกาสในการที่บริษัทจะได้กลุ่มลูกค้าประเทศอื่นๆ เข้ามาเสริม

“ตอนนี้มองว่าเป็นช่วงของการขยายฐานการผลิตมากกว่า การย้ายฐานการผลิต ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคิดว่าตอนนี้เราต้องออกไปเชิญชวนเขาเอง ไม่ใช่รอให้เขามาหา เพราะการที่เราออกไปเอง ทำให้เขารู้จัก และเห็นถึงศักยภาพของเราจากที่เราไปโชว์เขา ซึ่งเชื่อว่า WHA เป็นส่วนหนึ่งในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาทได้” นางสาวจรีพร กล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเตรียมความพร้อมในการรองรับความต้องการซื้อที่ดินนิคมอุตสหกรรมของลูกค้านักลงทุนต่างๆ ซึ่งได้เดินหน้าลงทุนซื้อที่ดินใหม่ๆ เข้ามาเสริมอย่างต่อเนื่องทั้งในไทย ที่จะเน้นในโซน EEC และเวียดนาม โดยใช้งบซื้อที่ดิน 5.4 พันล้านบาท รองรับการซื้อที่ดินใหม่เข้ามาเติม หลังจากที่สามารถขายที่ดินได้ดีกว่าที่คาดไว้ และในส่วนของผลการดำเนินงานในปี 66 มั่นใจว่ารายได้จะทำ All time high และมี EBITDA margin มากกว่า 40% หลังจากครึ่งปีแรก EBITDA margin เพิ่มขึ้นมาเป็น 46% แล้ว

บริษัทยังคงเดินหน้าภารกิจ “Mission To The Sun” ซึ่งมี 9 โครงการ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ สู่การยกระดับการพัฒนาองค์กร และบุคลากรของบริษัทมุ่งสู่การเป็น Technology Company ในปี 67 โดยมี 3 โครงการที่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม นั่นคือ Green Logistics, Digital Health Tech และ Circular

โครงการ Green Logistics เป็นการนำเทคโนโลยีสีเขียวมาปรับใช้กับกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ ได้แก่ การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในการขนส่งสินค้า สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การใช้พลังงานหมุนเวียนเป็นแหล่งพลังงานของสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นศูนย์กลางในการควบคุมการดำเนินงานของยานยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ของประเทศในระยะยาว

โครงการ Digital Health Tech เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการและโซลูชันการดูแลสุขภาพ โดยการพัฒนาแอปพลิเคชัน WHAbit ซึ่งเป็นเครื่องมือดูแลด้านสุขภาพผ่านระบบดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้สมัครใช้บริการ สามารถจัดการสุขภาพแบบองค์รวมได้ง่ายขึ้น เช่น การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพย้อนหลังได้ทุกที่ทุกเวลา การปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพกับแพทย์ผ่านทางวิดีโอคอล โดยร่วมกับพันธมิตร อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช ในการนำเสนอบริการต่างๆ

โครงการ Circular เป็นการรวบรวมไอเดียจากแต่กลุ่มธุรกิจที่นอกจากจะช่วยส่งเสริมการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระบบนิเวศของบริษัท แล้วยังเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการทำงาน หรืออาจเกิดเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทได้ เช่น การจัดการขยะอุตสาหกรรมของโรงงานนึงเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบของโรงงานอื่น หรือเพื่อป้อนให้กับโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top