จับตาเฟด หากคืนนี้สหรัฐเผย GDP Q3/66 พุ่งทะลุ 5%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2566 ในวันนี้

อย่างไรก็ดี แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และผลการสำรวจของนักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท บ่งชี้ตัวเลขคาดการณ์ที่แตกต่างกัน

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวสูงถึง 5.4% ในไตรมาส 3 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าขยายตัวเพียง 4.2%

ก่อนหน้านี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.2% และ 2.1% ในไตรมาส 1 และ 2 ตามลำดับ

ในการกล่าวถ้อยแถลงครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และย้ำว่าตลาดแรงงานและการขยายตัวทางเศรษฐกิจจำเป็นต้องชะลอตัวลงเพื่อให้เฟดบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ

“เงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินไป และข้อมูลที่ดีเกี่ยวกับเงินเฟ้อในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นสำหรับการสร้างความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงอย่างยั่งยืนไปสู่เป้าหมายของเรา”

“หนทางข้างหน้าอาจจะไม่ราบรื่น และต้องใช้เวลานาน ผมและเจ้าหน้าเฟดเห็นพ้องกันต่อพันธกรณีในการควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลงอย่างยั่งยืนสู่ระดับ 2% ซึ่งการที่เฟดจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นที่เศรษฐกิจจะต้องมีการขยายตัวต่ำกว่าแนวโน้ม และตลาดแรงงานจะต้องชะลอตัวลง” นายพาวเวลกล่าวในการประชุมที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York)

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่เฟดอยู่ในช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.

ทั้งนี้ กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง

นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งสุดท้ายในปีนี้ แม้ว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย. และให้น้ำหนัก 68.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ต.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top