WICE ตั้งบ.ย่อย WGRS ขยายธุรกิจ Cross Border Service ควบคู่ ETL รอรับโลจิสติกส์ปีหน้าฟื้น

บมจ. ไวส์ โลจิสติกส์ (WICE) เดินหน้าจัดตั้งบริษัทย่อย WICE Global Road Solutions Co.,Ltd หรือ (WGRS) ในประเทศสิงค์โปร์ รุกขยายธุรกิจ Cross Border Service ควบคู่กับ ETL เร่งขยายพื้นที่ให้บริการในตลาดใหม่ๆ เสริมความแข็งแกร่งกลุ่มบริษัท มั่นใจธุรกิจโลจิสติกส์ปีหน้าฟื้นตัวหลังจีนทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนวอลุ่มกลับมา

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ WICE เปิดเผยว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในปี 67 คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น โดยคู่ค้าที่สำคัญอย่างจีน ออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยประกาศใช้นโยบายและมาตรการในทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งภาคเอกชน การบริโภค และการลงทุน ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ดีขึ้น ขณะที่ค่าระวางเรือคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเช่นเดียวกัน ตามปริมาณการขนส่งที่คาดว่าจะฟื้นตัวกลับมา

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เดินหน้าสร้างการเติบโตในธุรกิจโลจิสติกส์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Service) โดยได้ขยายงานควบคู่กับบริษัทในเครืออย่าง บมจ.ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ (ETL) ภายหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุดได้จัดตั้งบริษัทย่อยภายใต้ชื่อ WICE Global Road Solutions Co.,Ltd หรือ WGRS ในสิงค์โปร์ ด้วยทุนจดทะเบียน 4 แสนดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ WICE Logistics (Singapore) Pte.Ltd ถือหุ้น 100% โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและสร้างสรรค์โซลูชันแก่ลูกค้าในการให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross Border Transportation Carrier) แบบครบวงจร พร้อมขยายพื้นที่ให้บริการในตลาดใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มบริษัทโดยรวม รวมถึงสามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตอย่างเต็มกำลัง

WICE ได้เล็งเห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตตามการค้าระหว่างจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพิ่มขึ้นสูง ด้วยโอกาสเติบโตจากเส้นทางใหม่ที่เชื่อมต่อเอเชียกับยุโรปผ่านเส้นทางสายใหม่ (One-belt One-road) รวมถึงการค้าข้ามพรมแดนของไทยกับสิงคโปร์ เวียดนาม และจีนตอนใต้ ทำให้มีการเติบโตสูง

นอกจากนี้ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสความต้องการการขนส่งสินค้าที่ควบคุมอุณหภูมิ เช่น ผลไม้สดและผลไม้แช่เย็น ที่เป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปยังตลาดหลักคือ ประเทศจีน จึงได้ร่วมกับ ETL ในการขยายเข้าสู่ธุรกิจโลจิสติกส์แบบควบคุมอุณหภูมิ (Reefer Container) อย่างเต็มรูปแบบ นับเป็นโอกาสที่จะช่วยสร้างการเติบโตอย่างมหาศาล

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/66 บริษัทมีรายได้รวม 916 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกของปี 66 มีรายได้รวม 2,934 ล้านบาท เนื่องจากความกังวลในสถานการณ์เศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการลดกำลังการผลิตลง ซึ่งมีผลทำให้ปริมาณการขนส่งทั้งนำเข้าและส่งออกลดลงไปด้วย รวมถึงยังได้รับผลกระทบจากอัตราค่าระวางเรือที่ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว

กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/66 ทำได้ 32 ล้านบาท ลดลง 75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทงวด 9 เดือนแรกของปี 66 ทำได้ 151 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุนเพื่อเพิ่มอัตรากำไรสุทธิ ด้วยกลยุทธ์การบริหารต้นทุนค่าขนส่งร่วมกับบริษัทในเครือ จึงทำให้สามารถทำอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) งวด 9 เดือนแรกได้ดีขึ้นกว่า 2% เติบโตท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกลุ่มอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ชะลอตัว

นอกจากนี้ ธุรกิจงานบริการด้านซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ นับเป็นธุรกิจเติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากการขยายพื้นที่ให้บริการคลังสินค้าเพิ่มขึ้นจำนวน 30,000 ตารางเมตร และรับรู้ตามปริมาณงานในการรับบริหารคลังสินค้า อีกทั้ง ด้านความร่วมมือกับ บมจ. สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี (SAT) ในโครงการบริหารจัดการด้าน Green Logistics Hub โดยจะพัฒนาเป็นคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า คาดว่าจะเริ่มเตรียมการก่อสร้างได้ในปีหน้า

ขณะที่โครงการนำรถบรรทุกไฟฟ้า (EV TRUCK) เข้ามาช่วยขนส่ง เพื่อทดแทนการใช้รถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ปัจจุบันอยู่ระหว่างทดลองใช้ รวมถึงเจรจากับพันธมิตรควบคู่ไปด้วย คาดว่าจะเริ่มชัดเจนขึ้นในต้นปีหน้าซึ่งจะช่วยผลักดันผลการดำเนินงานและการจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top