โกลเบล็ก คัดหุ้นน่าช็อปรับ Digital Wallet และ e-Refund กลุ่มค้าปลีก-คอมเมิร์ซ-ร้านอาหารโดดเด่น

บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวน แนะจับตาตัวเลข CPI และ PPI ของสหรัฐที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ และการรายงานผลการดำเนินงานของ บจ.ในไตรมาส 3/66 สิ้นสุดกลางสัปดาห์ จึงให้กรอบดัชนี 1,366-1,400 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุน 3 กลุ่มเด่น “ค้าปลีก -พาณิชย์-ร้านอาหาร”รับนโยบาย Digital Wallet- e-Refund

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวน โดยนักลงทุนยังจับตาตัวเลข CPI และ PPI ของสหรัฐที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ และการประกาศงบไตรมาส 3/2566 ของบริษัทจดทะเบียนจะสิ้นสุดในช่วงกลางสัปดาห์ทำให้แรงเก็งกำไรผลประกอบการเบาบางลง คาดการณ์กรอบดัชนี 1,366-1,400 จุด

Fed Watch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25-5.50% ในปีนี้ แม้ได้รับรู้ถ้อยแถลงของประธานเฟด แต่นักลงทุนมองว่าการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าอาจจะถูกเลื่อนออกไป ทั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า GDP ของสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงในปี 2567 และคาดว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.375% จนถึงเดือน มิ.ย.2567 ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลังจากนั้น และนางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐจะเดินทางเยือนจีนในปีหน้าตามคำเชิญของ รมว.คลังของจีน ขณะที่ทั้งสองประเทศพยายามติดต่อกันให้มากขึ้นและปรับปรุงความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด

นอกจากนี้ รัฐบาลภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน เตรียมเสนอพ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาทเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในช่วงต้นปีหน้า เพื่อแจกเป็นเงินดิจิทัล 10,000 บาทเริ่มเดือน พ.ค. 2567

สำหรับปัจจัยที่จะมีผลกับตลาดหุ้นไทย อาทิ วันที่ 12 – 19 พ.ย. นายกฯ เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 ที่เมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา, วันที่ 14 พ.ย. ประชุมครม. กำหนดวันสุดท้ายส่งงบการเงินรายไดรมาสของบริษัทจดทะเบียน, วันที่ 15 พ.ย. ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกลที่เสนอแก้มาตรา 112 และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม, วันที่ 20 พ.ย. สภาพัฒน์แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/66

และปัจจัยต่างประเทศ อาทิ

วันนี้ 14 พ.ย. อียู รายงาน GDP 3Q66 (ประมาณการครั้งที่ 2) ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนพ.ย., สหรัฐ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.

วันที่ 15 พ.ย. ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐพบปะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งประเทศจีนนอกรอบการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) จีน รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. อัตราว่างงานเดือนต.ค. การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนต.ค., อียู รายงานดุลการค้าเดือนก.ย., สหรัฐ รายงานยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

วันที่ 16 พ.ย. ญี่ปุ่นรายงานดุลการค้าเดือนต.ค. ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนก.ย., สหรัฐรายงาน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนต.ค. การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ย.

วันที่ 17 พ.ย. อียูรายงานอัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค., สหรัฐรายงานตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค.

ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนใน 3 กลุ่มเด่นอาทิกลุ่มค้าปลีก พาณิชย์ และร้านอาหาร ที่ได้ประโยชน์จากนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) และมาตรการ “e-Refund” โดยหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ได้แก่ BJC, CPALL, CPAXT, CRC, CPN, COM7, SPVI, CPW, JMART, HMPRO, DOHOME, GLOBAL, ZEN, M, AU, TNP และ KK

ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS ประเมินการปรับตัวลงของราคาทองคำ 34 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หรือคิดเป็น 1.7% สู่ 1,958 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เนื่องจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายแสดงความเห็นเชิงสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส กล่าวว่า เฟดอาจจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้นจึงจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับเป้าหมายได้ เป็นการส่งสัญญาณว่าภารกิจการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อของเฟดยังไม่เสร็จสิ้น

ขณะที่นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ และนางมิเชล โบว์แมน ซึ่งเป็นสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดแสดงความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัว 4.9% ในไตรมาส 3/2566 บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังคงมีความแข็งแกร่งมาก ซึ่งอาจทำให้เฟดพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ฝ่ายวิจัยมีมุมมองลบต่อราคาทองคำเนื่องจาก ทองคำกลับมาเคลื่อนไหวสวนทางเงินดอลลาร์หลังคลายกังวลเรื่องสงคราม ทำให้ทองคำยังคงถูกดันเนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่า เราจึงแนะนำ “ขายที่แนวต้าน” มองกรอบราคาทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,945-1,975 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ย. 66)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top