สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เผยแพร่รายงานในวันพฤหัสบดี (23 พ.ย.) ระบุว่า การลงทุนในธุรกิจน้ำมันและก๊าซทั่วโลกมูลค่า 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีในปัจจุบันนั้น อาจจะลดลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573 หากต้องการจะบรรลุเป้าหมายในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้ร้อนขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส
รายงานระบุเสริมว่า หากต้องการบรรลุเป้าหมายในการจำกัดอุณหภูมิโลกร้อนดังกล่าว ก็จะต้องไม่มีการดำเนินโครงการระยะยาวใหม่ ๆ ในธุรกิจน้ำมันและก๊าซ และอาจจำเป็นต้องยุติบางโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน
IEA เปิดเผยว่า บรรดาบริษัทที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซนั้นมีโอกาสอย่างมากในการช่วยปรับปรุงสภาพอากาศ เนื่องจากวิกฤตสภาพอากาศส่วนใหญ่นั้นมีสาเหตุมาจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทเหล่านั้น
อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซจะต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 60% ภายในปี 2573 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการควบคุมภาวะโลกร้อนให้ไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียสจากค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรมตามที่กำหนดไว้ในความตกลงปารีส
อุณหภูมิโลกในปีนี้จะแตะระดับสูงสุดในรอบ 125,500 ปี และมีกระแสความกังวลว่า อุณหภูมิอาจจะร้อนเกินเกณฑ์ 1.5 องศาเซลเซียสอย่างเร็วที่สุดภายในทศวรรษนี้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดภัยพิบัติทางสภาพอากาศที่รุนแรงและบ่อยครั้งมากขึ้น
IEA เปิดเผยว่า บริษัทน้ำมันและก๊าซคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของการลงทุนด้านพลังงานสะอาดทั่วโลก โดย 60% ของการลงทุนนั้นมาจากบริษัทเพียง 4 แห่งเท่านั้น ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมนี้กลายเป็นกำลังหนุนที่ดีที่สุดในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้ระบบพลังงานสะอาด
ทั้งนี้ รายงานของ IEA คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันและก๊าซทั่วโลกจะแตะระดับสูงสุดภายในปี 2573 แต่หากรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ปฏิบัติตามพันธกรณีของตนต่อเป้าหมายด้านพลังงานและสภาพภูมิอากาศ อุปสงค์ดังกล่าวก็มีแนวโน้มลดลง 45% ภายในปี 2593 จากระดับในปัจจุบัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 66)
Tags: IEA, ก๊าซธรรมชาติ, ก๊าซเรือนกระจก, น้ำมัน, สำนักงานพลังงานสากล, อุณหภูมิโลก