“เพย์พาล” เล็งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI หลังซีอีโอตั้งเป้าพลิกฟื้นราคาหุ้นบริษัท

เพย์พาล (PayPal) ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการแพลตฟอร์มชำระเงินจากสหรัฐ ระบุเมื่อวันพฤหัสบดี (25 ม.ค.) ว่า เพย์พาลเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงระบบการชำระเงินในคลิกเดียว (One-Click Checkout) เนื่องจากนายอเล็กซ์ คริสส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของเพย์พาลพยายามพลิกฟื้นธุรกิจ

ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แถลงการณ์ดังกล่าวถือเป็นการประกาศครั้งสำคัญครั้งแรกของเพย์พาลภายใต้การนำของนายคริสส์ ซึ่งเพิ่งเข้าทำงานในเพย์พาลเมื่อเดือนก.ย.ปีที่ผ่านมา และการประกาศเรื่องผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ครั้งนี้ถือเป็นอีกตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ กำลังพยายามเอาใจนักลงทุนที่กำลังสนใจกระแส AI โดยกระแส AI ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งสูงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนนี้

นักลงทุนคาดหวังว่านายคริสส์จะพลิกฟื้นหุ้นเพย์พาลที่ปรับตัวลดลงกว่า 22% ตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากกำไรทรุดตัวจนกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยก่อนหน้านี้นายคริสส์ดำรงตำแหน่งผู้บริหารอาวุโสในบริษัทอินทูท (Intuit) ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์จากสหรัฐ

นายคริสส์เรียกปี 2567 ว่าเป็นปีแห่งการเปลี่ยนผ่านสำหรับเพย์พาลและให้คำมั่นสัญญาว่าจะหารายได้ทางอื่นให้ได้มากกว่ารายได้จากการทำธุรกรรมการชำระเงิน

“ข้อมูลที่เรามีและความสามารถของเราในการเห็นสิ่งที่ผู้คนซื้อและรู้ว่าร้านค้าพยายามเล็งเป้าไปที่อะไร สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมคิดว่า AI คือโอกาสใหญ่สำหรับเรา” นายคริสส์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์

รายงานระบุว่า ปีนี้เพย์พาลจะเปิดตัวแพลตฟอร์มที่ใช้ AI เพื่อให้ร้านค้าสามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ โดยอิงตามประวัติการซื้อสินค้าในอดีต ด้วยการใช้ข้อมูลจากการทำธุรกรรมของร้านค้าทั่วโลกมูลค่าประมาณห้าแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

ขณะเดียวกันร้านค้ายังสามารถใช้เครื่องมือ AI อีกชนิดที่เรียกว่า “ใบเสร็จอัจฉริยะ” เพื่อแนะนำสินค้าเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าในใบเสร็จที่จัดส่งผ่านอีเมล พร้อมกับเครดิตคืนเงิน

เพย์พาลระบุด้วยว่า บริษัทกำลังจะเปิดตัวระบบการชำระเงินในคลิกเดียวที่เรียกว่า “ฟาสต์เลน” (Fastlane) ซึ่งในการทดสอบเบื้องต้นพบว่าสามารถเร่งความเร็วของกระบวนการชำระเงินได้เกือบ 40% พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่อื่น ๆ สำหรับเวนโม (Venmo) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือในเครือเพย์พาล

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ม.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top