เงินบาทเปิด 35.89 อ่อนค่ารอบ 3 เดือน หลังข้อมูลแรงงานสหรัฐหนุนดอลลาร์แข็งค่า

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 35.89 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าต่อ เนื่องจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 35.82 บาท/ดอลลาร์ หลังดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าตามบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัย หนุนจากตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ที่ประกาศออกมาดี ยอดต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

ส่วนปัจจัยในประเทศต้องดูทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินทุนต่างประเทศ เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น

“บาทเปิดตลาดที่ระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 3 เดือน อ่อนค่าต่อเนื่อง หลังดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก แต่วันนี้ ตลาดน่าจะมีปริมาณธุรกรรมเบาบางเนื่องเป็นช่วงเทศกาลตรุษจีน”

นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 35.70 – 36.00 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ 149.32 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 148.73 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ 1.0773 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0780 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.750 บาท/ดอลลาร์

– นายกรัฐมนตรี เผยรัฐบาลจะเร่งตัดสินใจดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการนัดประชุมคณะ กรรมการนโยบายโครงการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่

– กระทรวงแรงงานสหรัฐ เผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 9,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายใน สัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 221,000 ราย

– นักลงทุนกังวลว่าข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็น เวลานานกว่าที่คาดไว้

– นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ โดยเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายต่างส่ง สัญญาณว่าเฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อของสหรัฐกำลังชะลอตัวสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

– ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (8 ก.พ.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลาง สหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาดไว้

– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (8 ก.พ.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการพุ่งขึ้น ของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งเจ้าหน้าที่เฟดออกมาส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้

– สภาทองคำโลก (WGC) เปิดเผยรายงานแนวโน้มตลาดทองคำสำหรับปี 2567 (Gold Outlook 2024) โดยระบุว่า ความต้องการทองคำในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในปี 2567 เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศจะเป็น ปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ WGC ยังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะเดินหน้าซื้อทองคำเข้าสู่ระบบทุน สำรอง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ

– สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมีแนวโน้มยืดเยื้อและยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากนาย เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้ปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของกลุ่มฮามาส พร้อมกับประกาศว่า อิสราเอลจะได้รับชัยชนะ อย่างเด็ดขาดจากการสู้รบในฉนวนกาซาภายในเวลาอีกไม่กี่เดือน

– ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เตรียมเปิดทำเนียบขาวต้อนรับกษัตริย์อับดุลลาห์แห่งจอร์แดนในวันที่ 12 ก.พ. โดยมี กำหนดหารือเกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา และความพยายามในการยุติวิกฤตการณ์ด้าน มนุษยธรรมในดินแดนดังกล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.พ. 67)

Tags: , ,
Back to Top