นายอาร์โนลด์ เทลิเยร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บีเอ็นพี พาร์บาส์ เวลท์ แมเนจเม้นท์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า บีเอ็นพี พาริบาส์ เวลท์ แมเนจเม้นท์ ตั้งเป้าการขยายมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ในประเทศไทย เพิ่มเป็น 3 เท่า หรือเพิ่มขึ้นอีก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 3 ปี ผ่านการสร้างความแตกต่างด้วยแพลตฟอร์มการบริหารความมั่งคั่งระดับโลกที่ครบถ้วน ครอบคลุม เพื่อรองรับนักลงทุนรายใหญ่พิเศษที่กำลังเติบโตในประเทศไทย ซึ่งลูกค้านักลงทุนรายใหญ่พิเศษที่สนใจให้ บีเอ็นพี พาร์บาส์ เวลท์ แมเนจเม้นท์ บริหารจัดการความมั่งคั่ง จะต้องมีมูลค่าสินทรัพย์ขั้นต่ำ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในตลาดในภูมิภาคอาเซียนที่สำคัญ เพราะมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียน และเต็มไปด้วยผู้ประกอบธุรกิจต่างๆทั้งรายดังเดิม และรายใหม่ๆที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีจำนวนของเศรษฐีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีความต้องการใช้บริการด้านการบริหารจัดการความมั่งคั่ง (Wealth management) สูงขึ้น
ขณะที่การมองหาการกระจายการลงทุนของกลุ่มเศรษฐีหรือผู้ที่มีความมั่งคั่งในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก ซึ่งปัจจุบันจะเห็นว่ากลุ่มผู้มีความมั่งคั่งต้องการกระจายการลงทุนที่หลายหลายของสินทรัพย์ในต่างประเทศมากขึ้น แต่ยังขาดผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการ ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีเครือข่ายทั่วโลก ทำให้เป็นโอกาสของบีเอ็นพี พาร์บาส์ เวลท์ แมเนจเม้นท์ ในการเข้ารุกขยายฐานลูกค้าในประเทศไทย ด้วยการนำแพลตฟอร์มและความเชี่ยวชาญมาจากต่างประเทศมาให้บริการ
ความแตกต่างในการให้บริการเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการเวลท์ แมเนจเม้นท์ ในประเทศไทย ที่เป็น Local company ส่วนใหญ่จะเป็นเครือข่ายของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ซึ่งการให้บริการในการกระจายการลงทุนอาจจะยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง โดยเฉพาะการให้คำแนะนำและพาลูกค้าไปลงทุนในสินทรัพย์ในต่างประเทศ ซึ่งมีทางเลือกและตัวเลือกที่ไม่มาก เนื่องจากเครือข่าย Local company ในต่างประเทศมีไม่มาก แตกต่างจากจุดเด่นของ บีเอ็นพี พาร์บาส์ เวลท์ แมเนจเม้นท์ ประกอบกับการที่มีแพลตฟอร์มเฉพาะของบีเอ็นพี พาร์บาส์ เวลท์ แมเนจเม้นท์ สามารถเชื่อมโยงการลงทุน และตอบโจทย์การลงทุนที่หลากหลาย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 มี.ค. 67)
Tags: AUM, บีเอ็นพี พาร์บาส์ เวลท์ แมเนจเม้นท์, อาร์โนลด์ เทลิเยร์