KTB มองส่งออกไทยฟื้นตัวท่ามกลางความเสี่ยง คาดทั้งปีโต 1.8%

Krungthai COMPASS ประเมินว่า การส่งออกของไทยในปี 2567 สามารถฟื้นตัวได้ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยมีแนวโน้มจะขยายตัวได้ 1.8% อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของการส่งออกมีความเสี่ยงมากขึ้น สะท้อนจากภาคการผลิตของประเทศเศรษฐกิจหลัก Manufacturing PMI ในเดือน เม.ย.ยังอยู่ในภาวะทรงตัว ทั้งสหรัฐฯ และญี่ปุ่น ขณะที่ยุโรปยังคงหดตัวต่อเนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัว

นอกจากนี้ ปัญหาด้านภูมิรัฐศาสตร์มีความเสี่ยงมากขึ้น จากทั้งความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ที่ขยายวงกว้างไปสู่การโจมตีระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกสินค้าหากการสู้รบกลับมารุนแรงและลากยาว และปัญหาความไม่สงบในเมียนมาที่อาจกระทบต่อการค้าชายแดน โดยเฉพาะด่านแม่สอด ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 61.8% ของมูลค่าการส่งออกไปเมียนมาทั้งหมด

โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานมูลค่าส่งออกเดือน มี.ค. อยู่ที่ 24,960.6 ล้านดอลลาร์ฯ หดตัว -10.9%YoY พลิกกลับมาหดตัวครั้งแรกในรอบ 8 เดือน จากผลของฐานที่สูงในเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ สภาพอากาศที่แปรปรวนทำให้สินค้าเกษตรออกสู่ตลาดล่าช้า ส่งผลให้การส่งออกสินค้าหมวดอุตสาหกรรม และสินค้าอุตสาหกรรมเกษตรหดตัว ขณะที่สินค้าเกษตรขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง สำหรับการส่งออกทองคำกลับมาหดตัว -75.0% ทำให้เมื่อหักทองคำแล้ว มูลค่าส่งออกเดือนมี.ค. หดตัว -7.1%

ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกเดือน มี.ค.ที่หดตัว -10.9%YoY จากผลของฐานในปีก่อนเป็นสำคัญ โดยติดลบในรอบ 8 เดือน และเป็นการหดตัวสูงสุดในรอบ 15 เดือน อย่างไรก็ตาม การหดตัวที่สูงในเดือน มี.ค. เป็นผลจากฐานสูงในช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนเป็นสำคัญ ส่งผลให้สินค้าสำคัญหลายรายการหดตัว อาทิ ทองคำ ยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น ประกอบกับปัญหาสภาพภูมิอากาศ ทำให้การส่งออกผลไม้หดตัว เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม สินค้าสำคัญบางรายการหดตัว เนื่องจากการส่งออกที่ยังฟื้นตัวได้ช้า ได้แก่ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และเครื่องอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ ซึ่งคาดว่าสินค้าเหล่านี้ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกในระยะข้างหน้า

ส่วนการนำเข้าเดือนมี.ค. เติบโตเร่งขึ้นที่ 5.6%YoY ส่งผลให้ดุลการค้าเดือน มี.ค. ขาดดุลติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ 1,163.3 ล้านดอลลาร์ฯ ขณะที่การส่งออกไตรมาสแรกของปี 2567 หดตัว -0.2%YoY

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 67)

Tags: , , , , , ,
Back to Top