ภาครัฐ-เอกชน เร่งฟื้นภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย หลังต่างชาติบ่นฉ่ำ!

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยที่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยลดลงว่า ขณะนี้ ภาคท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์เดียวในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สามารถพึ่งพาได้ ทั้งนี้ ยอมรับว่าตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวปี 68 ลดลงจากปีก่อน 0.2% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน แต่รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 5% เนื่องจากความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยลดลงจากการถูกทำร้ายร่างกาย การเรียกเก็บค่าโดยสารเกินอัตรา การเผชิญภัยคุกคามจากกลุ่มอิทธิพลข้ามชาติในพื้นที่ท่องเที่ยว รวมทั้งการถูกรีดไถทรัพย์ เป็นต้น

นายสรวงศ์ กล่าวว่า กระทรวงฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสียงสะท้อนของนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติในไทย ซึ่งสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของประเทศไทย ดังนั้น เพื่อคงความเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจในสายตานักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ตลอดจนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างสมดุล ทั้งด้านคุณภาพ การบริการ และความคุ้มค่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือในประเด็นด้านการท่องเที่ยวในวันนี้

ซึ่งที่ประชุมได้ร่วมกันระดมความคิดเห็น และกำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยจะนำมาตรการที่รัดกุมมาใช้ในการดูแลรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร โดยเฉพาะแอปพลิเคชั่น Thailand Tourist Police ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถส่งข้อความ รูปภาพ และพิกัดสถานที่เพื่อสอบถามข้อมูล แจ้งเหตุ หรือขอความช่วยเหลือ ทำให้การประสานงานระหว่างนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่มีความสะดวกรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ในวันพรุ่งนี้ (1 พ.ค.) จะเริ่มใช้ ตม.6 ออนไลน์ ซึ่งจะสามารถคัดกรอง มอนิเตอร์ผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยได้ ส่วนนโยบายวีซ่าฟรี เบื้องต้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจจะทบทวน โดยการปรับลดวันพำนักเหลือ 30 วัน และให้ใช้การต่อวีซ่า

ในการประชุม ยังมีการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในประเด็นการแก้ไขปัญหาด้านค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น และเป็นธรรมต่อนักท่องเที่ยว โดยเน้นย้ำให้มีการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานที่รวดเร็ว บริการที่เป็นมิตร จัดเก็บค่าธรรมเนียมหรือราคาสินค้าและค่าบริการที่เท่าเทียมกันระหว่างชาวไทยกับชาวต่างชาติ และนักท่องเที่ยวสามารถใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่า โดยไม่ลดทอนคุณภาพของประสบการณ์ท่องเที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายของประเทศไทยในการรักษาความสามารถการแข่งขันในตลาดท่องเที่ยว โดยเฉพาะด้านราคาที่พัก ค่าอาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่อาจถูกมองว่าราคาของประเทศไทยสูงเกินความเหมาะสม เมื่อเปรียบเทียบกับจุดหมายปลายทางข้างเคียง

อีกทั้งมีนโยบายในการพัฒนาบริการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์/กิจกรรมท้องถิ่น (Local Experience) อาทิ การท่องเที่ยวโดยชุมชน (CBT) และการพำนักกับเจ้าบ้าน (Homestay) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่หลากหลาย ซึ่งตอบโจทย์กับนักท่องเที่ยวที่ชอบการท่องเที่ยวแบบอิสระที่ประหยัดค่าใช้จ่าย

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งแสดงความคิดเห็นต่อการท่องเที่ยวไทยอย่างตรงไปตรงมา แต่รัฐบาลมองว่านั่นคือโอกาสในการปรับปรุงและพัฒนา โดยเล็งเห็นถึงความจำเป็นและเร่งด่วนกับการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ

รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติดังเดิม ตลอดจนมีภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว และมีความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอีกด้วย การที่ประเทศไทยจะกลับมาเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระดับโลก เราต้องมั่นใจว่า ทุกคนที่เดินทางมาจะรู้สึกปลอดภัยและยินดีที่ได้มาเยือน

สำหรับข้อเสนอของสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เรื่องการบูสนักท่องเที่ยวจีน ที่เสนอให้สนับสนุนเครื่องบินเช่าเหมาลำ (charter flight) จำนวน 1,000 ไฟลท์ จากประเทศจีนนั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะมีการพูดคุยกับ รมว.คมนาคม ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 2-3/68 มองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว และเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ ซึ่งจะเข้ามาช่วยตลาดได้

ส่วนประเด็นเรื่องตั๋วเครื่องบินราคาแพงนั้น นายสรวงศ์ กล่าวว่า ตั๋วเครื่องบินปรับขึ้นราคาทั่วโลก เนื่องจากจำนวนเครื่องบินที่น้อยลง และค่าพลังงานที่สูงขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคม เสนอลดภาษีน้ำมันเชื้อเพลิง และเพิ่มเครื่องบินเช่าเหมาลำเข้ามารองรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะเข้ามาประเทศไทย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 68)

Tags: , ,
Back to Top