
บมจ.จีพี โมบิลิตี้ [GP] ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนฉบับแรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 60,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์การระดมทุนเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทมีวิสัยทัศน์ (Vision) ในการเป็นผู้นำในการจัดจำหน่ายสินค้าและบริการด้านชิ้นส่วนยานยนต์อย่างครบวงจรที่ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน
GP ประกอบธุรกิจจัดจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์หรืออะไหล่แท้ (Genuine Parts) และอะไหล่รถยนต์ทดแทน (Aftermarket Parts) ก่อตั้งขึ้นในปี 2524 จาก “ห้างหุ้นส่วนจำกัด จี.พี.อะไหล่” ต่อมาในปี 2529 บริษัทได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายอะไหล่แท้ของ ISUZU อย่างเป็นทางการรายที่ 7 ของประเทศไทย จากนั้นในปี 2554 ได้เปลี่ยนสถานะเป็น “บริษัท จี.พี.อะไหล่ จำกัด” เพื่อรองรับการเติบโตในระดับองค์กร และการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเช่าพื้นที่คลังสินค้าขนาด 8,000 ตารางเมตร ณ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการสินค้าและการกระจายอะไหล่ไปยังลูกค้าทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
ในระยะต่อมาบริษัทได้ขยายพอร์ตสินค้าโดยเพิ่มการจัดจำหน่ายอะไหล่แท้ของรถยนต์ยี่ห้ออื่น ๆ อาทิ TOYOTA, HONDA และ CHEVROLET เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของตลาดที่หลากหลายมากขึ้น ในปี 2555 บริษัทได้เริ่มจำหน่ายอะไหล่ทดแทน (Aftermarket Parts) และได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายแบรนด์ ACDelco อย่างเป็นทางการ ขณะนี้มีแบรนด์อะไหล่ภายใต้การจัดจำหน่ายรวมกันมากกว่า 25 แบรนด์ ครอบคลุมทั้งอะไหล่แท้และอะไหล่ทดแทน
กลุ่มลูกค้าของบริษัทครอบคลุมทั้งผู้จัดจำหน่ายอะไหล่ อู่ซ่อมรถยนต์ ศูนย์บริการ ฟลีทรถยนต์ และเจ้าของรถรายบุคคล พร้อมทั้งขยายสู่ช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) บนแพลตฟอร์มของบริษัทและแพลตฟอร์มชั้นนำ เช่น Facebook, Lazada, Shopee และ Egg Mall
ปัจจุบันบริษัทมีบริษัทย่อย 1 บริษัท คือ บริษัท โมบิกซ์ จำกัด (MOBIX) ประกอบธุรกิจจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ไปยังลูกค้าต่างประเทศเฉพาะแบรนด์ที่บริษัทไม่ได้เป็นตัวแทนจำหน่ายหรือแบรนด์ที่บริษัทไม่ได้ติดเงื่อนไขในการส่งออก โดย GP ถือหุ้น MOBIX ในสัดส่วน 99.99%
บริษัทมีทุนจดทะเบียน 110,000,000 บาท ซึ่งเป็นทุนชำระแล้ว (ก่อน IPO) 80,000,000 บาท / (หลัง IPO) 110,000,000 บาท โครงสร้างผู้ถือหุ้น 3 อันดับแรก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีนายกวีศิลป ศิริมณีธรรม ถือหุ้น 63,000,000 หุ้น คิดเป็น 39.38% หลัง IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 28.64% บริษัท เควีพี โฮลดิง จำกัด ถือหุ้น 55,200,000 หุ้น คิดเป็น 34.50% จะลดเหลือ 25.09% และ นางสาว วารุณี ปรมาภูติ ถือหุ้น 22,600,000 หุ้น คิดเป็น 14.12% จะลดเหลือ 10.27%
ผลประกอบการปี 2565, ปี 2566 และปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขายเท่ากับ 1,649.45 ล้านบาท 1,769.34 ล้านบาท และ 2,036.51 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 3 ปี (CAGR) เท่ากับ 11.12% ต่อปี โดยรายได้จากการขายของบริษัท มาจากรายได้จากการขายสินค้า 3 กลุ่ม คือ รายได้จากการขายอะไหล่แท้ภายใต้ตราสินค้าของค่ายรถยนต์ (Genuine Parts) รายได้จากการขายอะไหล่ทดแทน (Aftermarket Parts) และรายได้จากการอุปกรณ์เครื่องมือช่างในปี 2565, ปี 2566 และปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 36.24 ล้านบาท 32.20 ล้านบาท และ 60.02 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 2.19% 1.82% และ 2.95% ของรายได้รวมแต่ละปี
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 765 ล้านบาท หนี้สินรวม 603.84 ล้านบาท และ ส่วนผู้ถือหุ้นรวม 216.68 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักทุนสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ค. 68)
Tags: GP, IPO, จีพี โมบิลิตี้, หุ้นไทย