
คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.68 เป็นต้นไป เพื่อรักษาระดับราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ทวีความรุนแรง และส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ในการประชุม กบน. วันนี้ ได้มีการประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.68 โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ ได้ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 72.50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล น้ำมันเบนซินอยู่ที่ 85.44 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 88.02 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศ และค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง
ดังนั้น เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนจากราคาพลังงานที่ปรับสูงขึ้น และไม่ให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าครองชีพในช่วงที่สถานการณ์วิกฤตพลังงานกำลังเกิดขึ้น กบน. จึงมีมติให้ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล โดยใช้กลไกอัตราเงินกองทุนน้ำมันฯ เข้ามาช่วยรักษาเสถียรภาพ และพยุงราคาน้ำมันในประเทศ ไม่ให้กระทบกับความต่อเนื่องในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันฯ ในระยะยาว ดังนี้
อัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (บาท) | เดิม | ใหม่ | ผลต่าง |
น้ำมันเบนซิน | 9.8 | 9.20 | -0.60 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 | 3 | 2.40 | -0.60 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 | 3 | 2.40 | -0.60 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 | 2.6 | 2.00 | -0.60 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 | 3.6 | 3.10 | -0.50 |
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา | 2.4 | 1.50 | -0.90 |
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา พรีเมียม | 3.9 | 3.00 | -0.90 |
รายรับต่อวัน (ล้านบาท) | เดิม | ใหม่ | ผลต่าง |
น้ำมันเบนซิน | 3.43 | 3.22 | -0.21 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 | 59.40 | 47.52 | -11.88 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 | 19.45 | 15.64 | -3.81 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี20 | 6.90 | 4.32 | -2.58 |
น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี85 | 0.19 | 0.19 | – |
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา | 147.82 | 92.39 | -55.43 |
น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา พรีเมียม | 2.15 | 1.65 | -0.5 |
นายพรชัย กล่าวว่า การปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว จะทำให้รายรับของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทน้ำมันทุกชนิด (รวมถึงน้ำมันเตา) ลดลงประมาณวันละ 74.41 ล้านบาท จากเดิมที่มีรายรับประมาณวันละ 241.64 ล้านบาท เหลือประมาณวันละ 167.23 ล้านบาท
โดยปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 15 มิ.ย.68 ติดลบอยู่ที่ 36,268 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันบวกอยู่ที่ 8,244 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 44,512 ล้านบาท
นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินมาตรการครั้งนี้ เป็นไปตามบทบาทของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ในการรักษาเสถียรภาพด้านราคาพลังงานของประเทศเมื่อเกิดวิกฤตด้านราคาพลังงาน ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 โดยยึดหลักการ “เปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้”
พร้อมยืนยันว่า กบน.จะติดตามสถานการณ์น้ำมันโลกอย่างใกล้ชิด และพร้อมดำเนินมาตรการที่เหมาะสม เพื่อดูแลและป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชนให้มากที่สุด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มิ.ย. 68)