
พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (16 มิ.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงมุ่งหวังที่จะบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน แม้ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่านจะทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
เฮกเซธยืนยันว่า ทรัมป์ยังต้องการทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน พร้อมเสริมว่า กองทัพสหรัฐฯ วางกำลังในเชิงป้องกันในภูมิภาค เพื่อแสดงความแข็งแกร่งในการแสวงหาสันติภาพ และหวังว่านั่นจะเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในที่สุด
ในวันเดียวกัน ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรูธ โซเชียล (Truth Social) โดยเรียกร้องให้ชาวอิหร่านอพยพออกจากกรุงเตหะราน พร้อมกล่าวหาว่า อิหร่านปฏิเสธที่จะทำข้อตกลงเพื่อควบคุมการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
รายงานระบุว่า ความขัดแย้งปะทุขึ้นหลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 มิ.ย.) ส่งผลให้ทั้งสองประเทศเปิดฉากตอบโต้กันอย่างดุเดือด ภายในระยะเวลา 5 วัน มีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตในอิหร่านกว่า 220 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่ทางการอิสราเอลระบุว่า มีพลเมืองเสียชีวิต 24 ราย
อิสราเอลอ้างว่า การโจมตีแบบมุ่งเป้าหมายต่ออิหร่านนั้นมีจุดประสงค์เพื่อขจัดภัยคุกคามที่มาจากโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ขณะที่อิหร่านปฏิเสธว่าตนไม่มีเจตนาสร้างอาวุธนิวเคลียร์ และยืนยันสิทธิในการใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อสันติ รวมถึงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม ภายใต้กรอบสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT)
ทั้งนี้ การโจมตีทางอากาศระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลยิ่งสั่นคลอนเสถียรภาพในภูมิภาคที่ตึงเครียดอยู่แล้วจากสถานการณ์ในฉนวนกาซา ซึ่งอิสราเอลเริ่มปฏิบัติการทางทหารมาตั้งแต่เดือนต.ค. 2566
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มิ.ย. 68)