กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเยรูซาเล็มของอิสราเอลจะปิดทำการตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันศุกร์ (18-20 มิ.ย.) เนื่องจากสถานการณ์ความปลอดภัยในภูมิภาค และเพื่อให้เป็นไปตามคำแนะนำของทางการอิสราเอล
“เนื่องด้วยสถานการณ์ด้านความปลอดภัย และเพื่อให้เป็นไปตามคำแนะนำของกองบัญชาการแนวหน้าเพื่อพิทักษ์มาตุภูมิของอิสราเอล สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเยรูซาเล็มจะปิดทำการในวันพุธที่ 18 มิ.ย. จนถึงวันศุกร์ที่ 20 มิ.ย. ซึ่งรวมถึงแผนกบริการกงสุลในกรุงเยรูซาเลมและเทลอาวีฟด้วย” กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุบนเอ็กซ์
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน โดยการสู้รบทางอากาศของทั้งสองประเทศได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 6 ในวันพุธ (18 มิ.ย.) โดยกองทัพอิสราเอลระบุว่า อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธเข้าโจมตีอิสราเอลสองระลอกในช่วงสองชั่วโมงแรกของเช้าวันพุธ และมีเสียงระเบิดดังขึ้นเหนือกรุงเทลอาวีฟ
อิสราเอลได้แจ้งเตือนให้ผู้อยู่อาศัยในกรุงเตหะรานของอิหร่านรีบอพยพออกจากพื้นที่ เพื่อให้กองทัพอากาศของอิสราเอลสามารถโจมตีฐานที่มั่นทางทหารของอิหร่านได้ ขณะที่เว็บไซต์ข่าวของอิหร่านรายงานว่า มีเสียงระเบิดดังขึ้นในกรุงเตหะราน และเมืองคาราจ ทางตะวันตกของกรุงเตหะราน
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กำลังประเมินว่าสหรัฐฯ จะเข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลในระดับที่ลึกขึ้นหรือไม่ โดยรายงานระบุว่าสหรัฐฯ กำลังส่งเครื่องบินขับไล่เข้าไปประจำการในตะวันออกกลางเพิ่มเติม และขยายเวลาการประจำการของเครื่องบินรบอื่น ๆ ซึ่งนับจนถึงขณะนี้ สหรัฐฯ ได้ดำเนินการเพียงเพื่อป้องกันตนเองท่ามกลางความขัดแย้งกับอิหร่านในปัจจุบัน รวมถึงการช่วยยิงสกัดขีปนาวุธที่พุ่งเข้าสู่ดินแดนอิสราเอล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 68)
