นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลเปิดเผยในวันพฤหัสบดี (19 มิ.ย.) ว่า การเปลี่ยนแปลงหรือการโค่นล้มกลุ่มผู้นำของอิหร่านไม่ใช่เป้าหมายในการโจมตีของอิสราเอล แต่อาจเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามมา พร้อมยืนยันว่า อิสราเอลแข็งแกร่งพอจะทำลายโรงงานนิวเคลียร์ทุกแห่งของอิหร่านได้ ไม่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะตัดสินใจเข้าร่วมโจมตีด้วยหรือไม่ก็ตาม
ถ้อยแถลงดังกล่าวของเนทันยาฮูมีขึ้นก่อนที่ทำเนียบขาวจะประกาศว่า สหรัฐฯ ต้องการเวลาตัดสินใจ 2 สัปดาห์ว่าจะร่วมโจมตีอิหร่านด้วยหรือไม่
เนทันยาฮูกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่ออิสราเอลว่า “การเปลี่ยนแปลงหรือการโค่นล้มการปกครองของอิหร่าน เป็นเรื่องของประชาชนชาวอิหร่าน ไม่มีใครมาแทนที่ได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ผมถึงไม่กำหนดเรื่องนี้ไว้เป็นเป้าหมาย มันอาจจะเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่เป้าหมายที่ระบุไว้หรือเป็นเป้าหมายอย่างเป็นทางการของเรา”
“เรามีอำนาจที่จะทำลายเป้าหมายทั้งหมดของเรา รวมถึงโรงงานนิวเคลียร์ทั้งหมดของพวกเขา แต่การตัดสินใจของปธน.ทรัมป์ว่า เขาต้องการเข้าร่วมหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเองเช่นกัน เขาจะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสหรัฐฯ และผมจะทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อรัฐอิสราเอล และผมต้องบอกว่า จนถึงขณะนี้ ทุกคนต่างก็ทำหน้าที่ของตนเอง” เนทันยาฮูกล่าว
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ทางการทหารเชื่อว่า อิสราเอลอาจต้องการความช่วยเหลือจากระเบิดทำลายบังเกอร์ของกองทัพสหรัฐฯ เพื่อทำลายโรงงานเสริมสมรรถนะเชื้อเพลิงฟอร์โดว์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านที่ถูกฝังอยู่ใต้ภูเขาใกล้กับเมืองกอม
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้กล่าวเมื่อวันพุธ (18 มิ.ย.) ว่า สหรัฐฯ มีศักยภาพเพียงพอในการทำลายหรือรื้อถอนโรงงานฟอร์โดว์ได้ “แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะทำ – ไม่เลย” ทรัมป์กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มิ.ย. 68)
