ญี่ปุ่นปัดข่าวสหรัฐฯ กดดันเพิ่มงบกลาโหมเป็น 3.5% ของ GDP

ญี่ปุ่นปฏิเสธรายงานข่าวที่ระบุว่า สหรัฐฯ กดดันให้ญี่ปุ่นเพิ่มงบกลาโหมเป็น 3.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ต่อปี พร้อมย้ำว่าญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการพัฒนาขีดความสามารถทางทหารมากกว่าจำนวนเงินงบประมาณ

โยชิมาสะ ฮายาชิ หัวหน้าโฆษกคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ยืนยันในวันนี้ (23 มิ.ย.) ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ความจริง หลังมีรายงานจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ที่อ้างว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เรียกร้องให้ญี่ปุ่นเพิ่มงบกลาโหม

ถ้อยแถลงนี้มีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากฝ่ายสหรัฐฯ ที่ต้องการเห็นพันธมิตรเพิ่มงบประมาณด้านความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงการขยายอิทธิพลทางทหารของจีน

เมื่อปลายเดือนพ.ค. พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยระหว่างการประชุมด้านความมั่นคง Shangri-La Dialogue ที่สิงคโปร์ ว่า บรรดาประเทศพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียควรเร่งเพิ่มงบประมาณกลาโหม เพื่อเตรียมรับมือกับความเสี่ยงที่จีนอาจดำเนินการโจมตีไต้หวัน พร้อมชี้ว่าสมาชิกนาโตส่วนใหญ่ได้ตั้งเป้างบประมาณด้านกลาโหมราว 5% ของ GDP แม้กระทั่งเยอรมนี

ล่าสุดในการประชุมสุดยอดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาชิกนาโตได้อนุมัติแผนเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอย่างเป็นทางการ โดยกำหนดเป้าหมายงบรายจ่ายที่ 5% ของ GDP ซึ่งแบ่งเป็น 3.5% สำหรับค่าใช้จ่ายหลักทางทหาร เช่น อาวุธยุทโธปกรณ์ และอีก 1.5% สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เช่น ความมั่นคงทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐาน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มิ.ย. 68)