
มาซูด เปเซชเคียน ประธานาธิบดีอิหร่าน ได้ประกาศ “สิ้นสุดสงคราม 12 วัน” และเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐบาล รวมถึงสถาบันปฏิวัติทั้งหมด ระดมสรรพกำลังเพื่อฟื้นฟูประเทศ
ประธานาธิบดีอิหร่านได้ส่งสารถึงประชาชนชาวอิหร่านหลังจากการหยุดยิงมีผลบังคับใช้ว่า “วันนี้ หลังจากที่ท่านได้ยืนหยัดอย่างกล้าหาญและยิ่งใหญ่ เราได้เห็นการหยุดยิงและการสิ้นสุดสงคราม 12 วัน” ซึ่งเป็นสงครามที่อิสราเอลเป็นฝ่ายเริ่ม
ผู้นำอิหร่านกล่าวว่า “ศัตรูผู้รุกรานล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายอันชั่วร้ายในการทำลายโรงงานนิวเคลียร์ บ่อนทำลายความรู้ด้านนิวเคลียร์ รวมถึงปลุกปั่นความไม่สงบในสังคม”
ตรงกันข้าม การล่มสลายของ “การอยู่ยงคงกระพันจอมปลอม” ของอิสราเอลและพันธมิตร รวมถึงการทำลายล้างครั้งใหญ่ต่อสิ่งปลูกสร้างและศูนย์กลางสำคัญในดินแดนที่ถูกยึดครอง ได้ส่งสารสำคัญไปทั่วโลกว่า การมายุ่งกับอิหร่านนั้น ต้องแลกมาด้วยผลลัพธ์ที่หนักหนาสาหัสอย่างยิ่ง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (24 มิ.ย.) ประธานาธิบดีอิหร่านเปิดเผยว่า อิหร่านพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ภายในกรอบระหว่างประเทศและบนโต๊ะเจรจา
ผู้นำอิหร่านเผยว่า สหรัฐอเมริกาและอิสราเอลพยายามสร้างความแตกแยกและความเป็นศัตรูในหมู่ประเทศอิสลาม โดยระบุว่าอิหร่านกำลังพยายามเสริมสร้างความสามัคคีและสันติภาพในภูมิภาค เพื่อผลักดันความก้าวหน้า
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. อิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ของอิหร่าน รวมถึงโรงงานนิวเคลียร์และฐานทัพทหาร ส่งผลให้ผู้บัญชาการอาวุโส นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ และพลเรือนเสียชีวิต จากนั้นอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธและโดรนโจมตีอิสราเอลเพื่อตอบโต้หลายระลอก ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเกิดความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน
ต่อมาในวันที่ 21 มิ.ย. กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดใส่โรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่ง ได้แก่ ฟอร์โด นาทานซ์ และอิสฟาฮาน อิหร่านจึงตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธไปที่ฐานทัพสหรัฐฯ ในกาตาร์เมื่อวันจันทร์ (23 มิ.ย.)
หลังจากที่อิหร่านได้โจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ก็ได้ประกาศว่าการหยุดยิงระหว่างสองฝ่ายจะเริ่มขึ้นประมาณ 04.00 น. ตามเวลา GMT ของวันอังคาร (24 มิ.ย.) โดยอิหร่านและอิสราเอลต่างยืนยันการเริ่มต้นการหยุดยิงในเวลาต่อมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 มิ.ย. 68)