
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กำลังลดความแข็งกร้าวในการเผชิญหน้ากับจีน โดยท่าทีที่อ่อนลงนี้เป็นความพยายามเพื่อหวังที่จะบรรลุข้อตกลงการค้า และปูทางไปสู่การจัดประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง
หลังจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยสอง เขาได้ลดความแข็งกร้าวในการใช้คำพูดเกี่ยวกับการขาดดุลการค้ามูลค่ามหาศาลกับจีน อันเป็นเหตุให้การจ้างงานในสหรัฐฯ ลดลง โดยบลูมเบิร์กรายงานอ้างแหล่งข่าวว่า ปธน.ทรัมป์มักจะใช้เสียงแข็งกร้าวน้อยที่สุดในห้องประชุม อีกทั้งเจ้าหน้าที่ในฝ่ายบริหารยังยืนยันว่า ปธน.ทรัมป์ชื่นชอบปธน.สีเป็นการส่วนตัวมาโดยตลอด
ท่าทีเช่นนี้แตกต่างจากสิ่งที่ปธน.ทรัมป์แสดงออกกับประเทศคู่ค้ารายอื่น ๆ ซึ่งมักจะถูกเขาข่มขู่ว่าจะทำลายเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ด้วยการใช้มาตรการภาษีศุลกากร โดยขณะนี้ปธน.ทรัมป์มุ่งเน้นไปที่การเร่งทำข้อตกลงการค้ากับจีน แทนที่จะพยายามแก้ไขสาเหตุที่แท้จริงของความไม่สมดุลทางการค้า แม้ว่าจีนจะมียอดเกินดุลการค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงครึ่งปีแรกจากการส่งออกที่แข็งแกร่งก็ตาม
ท่าทีที่อ่อนลงดังกล่าว ปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่อปธน.ทรัมป์กล่าวในวันอังคารที่ผ่านมาว่า เขาจะต่อสู้กับจีน “ในรูปแบบที่เป็นมิตรมากขึ้น” รวมทั้งการที่สหรัฐฯ เปิดทางให้บริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ กลับมาจำหน่ายชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รุ่น H20 ให้กับจีนอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการกลับลำด้านนโยบาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลทรัมป์เคยประกาศไว้ว่าจะไม่ให้เทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดของอเมริกาตกไปอยู่ในมือของจีน
แหล่งข่าวกล่าวว่า การพลิกแพลงกลยุทธ์ของปธน.ทรัมป์ และการหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายที่แข็งกร้าวกับจีนตามที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้นั้น ได้สร้างความกังวลให้กับเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารของเขาและบรรดาผู้ให้คำปรึกษานอกหน่วยงานรัฐบาล เนื่องจากปธน.ทรัมป์กำลังทำให้ “เส้นแดง” ที่รัฐบาลสหรัฐฯ เคยขีดไว้กับจีนในอดีตที่ผ่านมานนั้น กลายเรื่องที่สามารถต่อรองได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ค. 68)