สำนักงานสถิติแห่งชาติมาเลเซียรายงานในวันนี้ (18 ก.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 4.5% ในไตรมาส 2/2568 ซึ่งเป็นการขยายตัวรวดเร็วกว่าในไตรมาส 1 ที่ระดับ 4.4% และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.2%
เศรษฐกิจในไตรมาส 2 ของมาเลเซียได้รับแรงหนุนจากภาคบริการ แม้มาเลเซียต้องรับมือการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากประเทศทั่วโลกก็ตาม โดยปธน.ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากมาเลเซียในอัตรา 25% ขณะที่เจ้าหน้าที่มาเลเซียกำลังเร่งเจรจาต่อรองให้ภาษีปรับตัวลดลงก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.
ทั้งนี้ ภาคบริการขยายตัวขึ้นแตะระดับ 5.3% ในไตรมาส 2 จากระดับ 5% ในไตรมาส 1 โดยได้ปัจจัยหนุนจากการค้าส่งและการค้าปลีก ตลอดจนธุรกิจขนส่งและคลังสินค้า ส่วนการขยายตัวในภาคการผลิตชะลอลงสู่ระดับ 3.8% ในไตรมาส 2 จากระดับ 4.1% ในไตรมาส 1
ตัวเลข GDP ที่มีการเปิดเผยล่าสุดนี้อาจเป็นผลดีต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของมาเลเซียที่กำลังทบทวนตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจซึ่งก่อนหน้านี้ได้คาดการณ์ไว้ว่า เศรษฐกิจปี 2568 จะขยายตัวในกรอบ 4.5%–5.5%
ด้านสำนักงานสถิติของมาเลเซียประมาณการว่า เศรษฐกิจของประเทศน่าจะขยายตัว 4.4% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ค. 68)
