ราคาเสนอขายอสังหาฯ ใน UK ทรุดตัวลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค.

ไรท์มูฟ (Rightmove) เว็บไซต์ด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหราชอาณาจักร (UK) รายงานในวันนี้ (21 ก.ค.) ว่า ราคาเสนอขายอสังหาริมทรัพย์ได้ปรับตัวลดลง 1.2% ในเดือนก.ค. การลดลงครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดสำหรับเดือนก.ค. นับตั้งแต่ปี 2544 โดยมีสาเหตุจากภาวะอุปทานล้นตลาดที่บีบให้ผู้ขายต้องลดราคาเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ

ข้อมูลดังกล่าว ซึ่งรวบรวมจากรายการประกาศขายระหว่างวันที่ 8 มิ.ย. ถึง 12 ก.ค. ถือเป็นการลดลงแบบเทียบรายเดือนในเดือนก.ค. ที่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ไรท์มูฟเริ่มจัดทำรายงาน การปรับลดลงนี้เกิดขึ้นในขณะที่จำนวนบ้านที่เสนอขายในตลาดยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ ส่งผลให้การแข่งขันระหว่างผู้ขายทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับลดลงรายเดือน แต่ราคาเสนอขายยังคงสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วอยู่ 0.1%

จากการแข่งขันที่สูงขึ้น ไรท์มูฟจึงได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของราคาตลอดทั้งปี 2568 ลงครึ่งหนึ่ง จากเดิมที่คาดว่าจะโต 4% เหลือเพียง 2% แต่บริษัทยังคงคาดการณ์ยอดขายอสังหาฯ รวมตลอดทั้งปีไว้ที่ 1.15 ล้านรายการ

ไรท์มูฟระบุในรายงานว่า “ด้วยจำนวนบ้านในตลาดที่ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดในรอบทศวรรษ ผู้ขายในช่วงฤดูร้อนจึงตั้งราคาในเชิงแข่งขันมากยิ่งขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้ซื้อ”

แนวโน้มตลาดที่ชะลอตัวนี้ได้รับการยืนยันจากข้อมูลอื่น ๆ เช่นกัน โดยเนชั่นไวด์ บิลดิ้ง โซไซตี้ (Nationwide Building Society) รายงานว่าดัชนีราคาบ้านลดลง 0.8% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการลดลงรายเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ขณะที่ข้อมูลทางการของรัฐบาล ซึ่งอิงจากยอดขายที่เสร็จสมบูรณ์แล้ว แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของราคาบ้านรายปีชะลอตัวลงเหลือ 3.9% ในเดือนพ.ค. จากระดับ 7.0% ในเดือนมี.ค.

การปรับราคาดังกล่าวยังมีความแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค โดยในเขตกรุงลอนดอนชั้นใน (Inner London) มีราคาเสนอขายลดลงรายเดือนรุนแรงที่สุดที่ 2.1% ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษกลับมีราคาเพิ่มขึ้น 1.2%

ไรท์มูฟตั้งข้อสังเกตว่า การชะลอตัวของราคา ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างและอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ลดลง กำลังช่วยให้ผู้คนมีกำลังซื้อบ้านได้มากขึ้น โดยค่าจ้างโดยเฉลี่ยเติบโตขึ้น 5.0% ในช่วงหนึ่งปีจนถึงเดือนพ.ค. ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านแบบคงที่ 2 ปีโดยทั่วไปได้ลดลงมาอยู่ที่ 4.53% จาก 5.34% ในช่วงปีที่ผ่านมา

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 68)