
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในบาหลี ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของอินโดนีเซีย กำลังเตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวที่อาจหลั่งไหลเข้ามา หลังจากพวกเขาเปลี่ยนจุดหมายปลายทางจากประเทศไทย ด้วยความหวั่นวิตกจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนกับกัมพูชา แม้ว่าจะมีการทำข้อตกลงหยุดยิงที่ยังเปราะบางอยู่ก็ตาม
อี กุสตี อากุง งูระฮ์ ไร ซูร์ยาวิจายา รองประธานสมาคมโรงแรมและภัตตาคารอินโดนีเซีย (PHRI) ประจำบาหลี ระบุว่า เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและผู้ประกอบการโรงแรมได้รายงานสัญญาณเบื้องต้นของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังมองหาจุดหมายปลายทางอื่นที่ปลอดภัยกว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เขากล่าวกับสำนักข่าวท้องถิ่นอินโดนีเซียว่า “เนื่องจากบาหลีถูกมองว่าปลอดภัยและเอื้อต่อการเดินทาง เราจึงเห็นนักท่องเที่ยวที่แต่เดิมวางแผนจะไปเที่ยวไทยหลั่งไหลเข้ามาแทน แม้จะยังไม่มีข้อมูลที่เป็นรูปธรรมเกี่ยวกับการเปลี่ยนเส้นทางการบินจากไทยมายังบาหลี แต่ดูเหมือนว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นราว 10-15%”
ทั้งนี้ การปะทะกันทางทหารที่ปะทุขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี (24 ก.ค.) ใกล้ปราสาทพระวิหารและจังหวัดอุบลราชธานี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 ราย และมีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 300,000 คน ต่อมามีการเจรจาหยุดยิงซึ่งมีผลบังคับใช้ในเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (28 ก.ค.)
การสู้รบครั้งนี้ส่งผลให้รัฐบาลหลายประเทศออกคำแนะนำการเดินทางฉบับปรับปรุงใหม่ โดยสมาร์ตทราเวลเลอร์ (Smartraveller) ของออสเตรเลีย, สถานทูตสหรัฐฯ และกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ต่างแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเดินทางในรัศมี 50 กิโลเมตรจากชายแดนไทย-กัมพูชา
เพอร์รี มาร์คัส เลขาธิการของ PHRI เผยว่า แม้ศูนย์กลางการท่องเที่ยวหลักของไทยอย่างกรุงเทพฯ และภูเก็ตจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่การรับรู้ในวงกว้างเกี่ยวกับความไม่มั่นคงก็อาจเพียงพอที่จะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแผนการเดินทางได้ “รูปแบบนี้อาจเกิดขึ้นเพราะนักท่องเที่ยวต้องการเดินทางในสถานที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย” เขากล่าวเสริม โดยหวังว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวพำนักในบาหลีนานขึ้นด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 68)