สหรัฐฯ ยุติการยกเว้นภาษีพัสดุมูลค่าต่ำ เริ่ม 29 ส.ค. มุ่งสกัดสินค้าอีคอมเมิร์ซจีน

ทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันพุธ (30 ก.ค.) เตรียมยกเลิกข้อยกเว้นภาษีศุลกากรสำหรับพัสดุระหว่างประเทศมูลค่าต่ำที่ใช้มานานหลายปี การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการขนส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซหลายล้านชิ้นต่อวัน

ภายใต้คำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. นี้ พัสดุทุกชิ้นที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์สหรัฐ จะต้องถูกเก็บภาษีนำเข้าทั้งหมด ซึ่งเป็นการยุติกฎ “de minimis” ที่เคยอนุญาตให้พัสดุลักษณะนี้เข้าประเทศสหรัฐฯ ได้โดยปลอดภาษีมาโดยตลอด

รัฐบาลสหรัฐฯ ชี้แจงว่าการตัดสินใจครั้งนี้เป็นการดำเนินการที่เร่งด่วนกว่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อรับมือกับสิ่งที่เรียกว่า “ภาวะฉุกเฉินของชาติ” โดยแถลงการณ์จากทำเนียบขาวระบุว่า “ทรัมป์จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว … เพื่อรับมือภาวะฉุกเฉินของชาติ และปกป้องธุรกิจรวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอเมริกัน”

การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นเพื่อจัดการกับการจัดส่งพัสดุแบบ “de minimis” ที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 134 ล้านชิ้นในปี 2558 พุ่งสูงขึ้นเป็นกว่า 1.36 พันล้านชิ้นในปี 2567 ทำให้ปัจจุบันหน่วยงานศุลกากรและป้องกันชายแดนสหรัฐฯ (CBP) ต้องดำเนินการตรวจปล่อยพัสดุประเภทนี้มากกว่า 4 ล้านชิ้นต่อวัน โดยส่วนหนึ่งมาจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและฟาสต์แฟชั่นชื่อดังอย่างชีอิน (Shein) และเทมู (Temu)

มาตรการที่บังคับใช้ทั่วโลกนี้ เป็นการขยายผลจากการดำเนินมาตรการที่พุ่งเป้าไปยังจีนและฮ่องกงเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศจากเอเชียลดลงไปแล้วอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้างที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายใหม่นี้

ก่อนหน้านี้ ร่างกฎหมายงบประมาณและภาษีฉบับล่าสุด หรือที่เรียกว่า “One Big Beautiful Bill Act” ได้กำหนดให้ยกเลิกข้อยกเว้น de minimis ภายในปี 2570 อยู่แล้ว แต่คำสั่งฝ่ายบริหารของปธน.ฉบับนี้ได้ร่นกรอบเวลาดังกล่าวให้เร็วขึ้นอย่างมาก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 68)