
สำนักงานสถิติแห่งชาติของอินโดนีเซียรายงานในวันนี้ (1 ก.ค.) ว่า ยอดส่งออกของอินโดนีเซียในเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 11.29% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 2.344 หมื่นล้านดอลลาร์ มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 10.41%
ส่วนยอดนำเข้าในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.28% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 1.933 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่งผลให้อินโดนีเซียมียอดเกินดุลการค้าในเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 4.11 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.45 พันล้านดอลลาร์ แต่ลดลงเล็กน้อยจากเดือนพ.ค.ที่ระดับ 4.30 พันล้านดอลลาร์
สำหรับครึ่งแรกของปี 2568 อินโดนีเซียมีตัวเลขเกินดุลการค้าอยู่ที่ 1.948 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยยอดส่งออกและยอดนำเข้าเพิ่มขึ้น 7.70% และ 5.25% ตามลำดับ
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กลุ่มผู้ส่งออกของอินโดนีเซียได้เร่งส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ ก่อนเส้นตายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กำหนดไว้สำหรับการเจรจาภาษี
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้าสินค้าที่สหรัฐฯ เรียกเก็บจากอินโดนีเซียลดลงเหลือ 19% จากที่เคยถูกขู่ไว้ว่าจะเรียกเก็บสูงถึง 32% โดยในการเจรจานั้น อินโดนีเซียตกลงที่จะยกเลิกภาษีส่วนใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ รวมถึงตกลงที่จะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้นด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ส.ค. 68)