จีนปล่อยยุงยักษ์นักล่า สกัดโรคชิคุนกุนยาระบาดหนักทะลุ 6,000 รายใน 3 สัปดาห์

นักวิทยาศาสตร์ในจีนกำลังใช้วิธีการปล่อยฝูงยุงยักษ์ที่มีตัวอ่อนกินลูกน้ำของยุงชนิดอื่นเพื่อสกัดการระบาดของโรคชิคุนกุนยา (Chikungunya) ซึ่งถือเป็นการระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในจีน

ยุงยักษ์ชนิดนี้มีชื่อเรียกว่า “ยุงช้าง” (elephant mosquitoes) หรือ Toxorhynchites splendens มีความยาวเกือบ 2 เซนติเมตร และไม่ดูดเลือดมนุษย์ แต่ตัวอ่อนของมันจะล่าและกินลูกน้ำของยุงลายซึ่งเป็นพาหะหลักของโรคชิคุนกุนยา โรคไข้เลือดออก โรคซิกา และโรคไข้เหลือง โดยทีมวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็น เป็นผู้ปล่อยยุงช้างในพื้นที่ระบาดของมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีน

เมืองฝอซานในมณฑลกวางตุ้งที่มีผู้ติดเชื้อชิคุนกุนยามากกว่า 6,000 รายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ยังได้ปล่อยปลาท้องถิ่นกว่า 5,000 ตัวลงในบ่อน้ำและแม่น้ำเพื่อช่วยกินไข่และลูกน้ำยุง

นอกจากนี้ ทางการยังนำมาตรการควบคุมแบบเดียวกับช่วงการระบาดของโควิด-19 กลับมาใช้ เช่น การตรวจ PCR ครั้งใหญ่ การแยกผู้ติดเชื้อ และรณรงค์ฉีดยาฆ่าแมลงทั่วชุมชน

จาง ตงจิง รองศาสตราจารย์และผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ “โรงงานยุง” ที่เชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยซุนยัตเซ็นเปิดเผยว่า ตัวอ่อนของยุงช้างเพียงตัวเดียวสามารถกินลูกน้ำยุงลายได้มากถึง 100 ตัว โดยโรงงานดังกล่าวยังผลิตยุงตัวผู้ที่เป็นหมันหลายล้านตัวต่อสัปดาห์ เพื่อลดการแพร่พันธุ์ของยุงธรรมชาติ

เมืองฝอซานกำหนดโรงพยาบาล 53 แห่งสำหรับรักษาผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยา พร้อมเตียงกว่า 3,600 เตียงที่มีมุ้งกันยุง และวางแผนขยายศักยภาพในการรองรับผู้ป่วย ส่วนเมืองกวางโจวที่อยู่ใกล้เคียงได้จัดทำแผนที่ความเสี่ยงของชุมชน 120 แห่ง และรณรงค์ฉีดพ่นไล่ยุงวันละสองครั้งตลอดสัปดาห์

ทั้งนี้ โรคชิคุนกุนยาเป็นโรคไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการปวดข้อรุนแรง ปวดศีรษะ และอาเจียน พบครั้งแรกในแทนซาเนียเมื่อปี 2495 และจีนพบผู้ติดเชื้อนำเข้ารายแรกในปี 2551 ก่อนจะมีการระบาดในประเทศครั้งแรกในปี 2553 ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 253 ราย หลังจากนั้นมีรายงานผู้ป่วยเป็นระยะจนกระทั่งเกิดการระบาดครั้งใหญ่ในปีนี้

ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) เปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่ากำลังเตรียมออกประกาศแจ้งเตือนการเดินทางไปยังจีน เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตอนนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ส.ค. 68)