
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันศุกร์ (1 ส.ค.) โดยถูกกดดันจากความกังวลว่า โอเปกและชาติพันธมิตรอาจเพิ่มการผลิต ขณะที่รายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าคาดยิ่งเพิ่มความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.93 ดอลลาร์ หรือ 2.79% ปิดที่ 67.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.83% ปิดที่ 69.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
แต่ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 6.29% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นเกือบ 6%
แรงกดดันต่อตลาดน้ำมันเกิดจากความวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัสอาจตกลงกันเพื่อเพิ่มการผลิตในเดือนก.ย. โดยแหล่งข่าว 3 รายที่ใกล้ชิดกับการเจรจากล่าวว่า โอเปกพลัสอาจบรรลุข้อตกลงได้เร็วที่สุดในวันอาทิตย์นี้เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต 548,000 บาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ดี แหล่งข่าวอีกรายระบุว่า การหารือยังคงดำเนินอยู่ และปริมาณการปรับเพิ่มอาจน้อยกว่านี้
นอกจากนี้ ข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ที่อ่อนแอกว่าคาดส่งผลกระทบเชิงลบต่อแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า สหรัฐฯ เพิ่มการจ้างงานเพียง 73,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ และทำให้อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นจาก 4.1% เป็น 4.2%
ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ บรรดาเทรดเดอร์น้ำมันจับตาความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับอัตราภาษีของสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอัตราภาษีใหม่ต่อคู่ค้าสหรัฐฯ จะมีผลในวันศุกร์หน้า
ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.) เพื่อเก็บภาษีนำเข้าจากหลายประเทศและดินแดนต่างชาติที่ไม่สามารถเจรจาข้อตกลงการค้าได้ตามกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค. โดยกำหนดอัตราภาษีไว้ระหว่าง 10% ถึง 41%
ประเทศที่ได้รับผลกระทบรวมถึงแคนาดา อินเดีย และไต้หวัน ขณะที่ประเทศที่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ทันเวลาได้แก่สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของทรัมป์ที่ขู่จะเรียกเก็บภาษี 100% ต่อผู้ซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย เพื่อกดดันให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน ซึ่งสร้างความกังวลต่อการหยุดชะงักของการส่งออกและความเป็นไปได้ที่จะมีน้ำมันหายออกจากตลาดบางส่วน
นักวิเคราะห์จาก JP Morgan เตือนเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มาตรการลงโทษที่ทรัมป์ขู่จะใช้ต่อจีนและอินเดียจากการซื้อน้ำมันดิบรัสเซีย อาจทำให้การส่งออกน้ำมันทางเรือของรัสเซียถึง 2.75 ล้านบาร์เรลต่อวันต้องตกอยู่ในความเสี่ยง โดยจีนและอินเดียเป็นผู้บริโภคน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับสองและสามของโลกตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ส.ค. 68)